Before Thirtieth café (บิฟอร์ เธอทิเอ็ธ คาเฟ่)  คาเฟ่เล็กๆ ย่านสะพานควายในซอยพหลโยธิน11 ได้ซ่อนความน่าหลงใหลต่างๆ ไว้ในร้านมากมายไม่ว่าจะเป็นการตกแต่งภายนอกและภายในที่เน้นสีน้ำเงินตัดด้วยสีขาวสไตล์ยุโรป ซึ่งมีหลายโซนให้เลือกนั่ง บรรยากาศในร้านให้ความรู้สึกสบายๆ จนทำให้เราอยากจะนั่งไปเรื่อยๆ เพื่อจิบรสชาติกาแฟจากเมล็ดกาแฟที่ได้รับการคัดสรรอย่างดีจากหลากกลายที่ กลิ่นกาแฟอันหอมตลบอบอวนไปทั่วร้านทำให้เรารู้สึกผ่อนคลายอย่างมาก 

เครื่องดื่มที่เสิร์ฟในร้าน Before Thirtieth café ใช้ภาชนะใช้ซ้ำ ลดขยะพลาสติก

นอกจากความหอมอร่อยของรสชาติกาแฟ อาหารและขนมแล้ว ร้าน Before thirtiethยังเป็นร้านที่คนกลุ่มหนึ่งหันมาสนใจ ลด เลิก  ใช้พลาสติกที่ใช้ครั้งเดียวทิ้งอีกด้วย เนื่องจากพวกเขาตระหนักถึงผลกระทบของการใช้พลาสติกที่ใช้ครั้งเดียวทิ้งในทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นการย่อยสลายและการกำจัดที่ใช้ระยะเวลานาน ปัญหาเหล่านี้ล้วนก่อให้เกิดมลพิษต่อสิ่งแวดล้อมทั้งสิ้น 

เรามีโอกาสได้พูดคุยกับ คุณธนากร บุญพ่วง(ปุ้ม) และ คุณสตานนท์ สันติกุล(เติ้ง) เจ้าของร้าน Before thirtieth café กับจุดเริ่มต้นของแนวคิดลดขยะพลาสติกที่ใช้ครั้งเดียวทิ้งภายในร้าน

ในช่วงแรกที่เราเปิดร้าน เราใช้แก้วพลาสติกและหลอดพลาสติกเสิร์ฟเครื่องดื่มเยอะมาก แม้แต่กับลูกค้าที่นั่งในร้านก็ตาม ทุกคืนเวลาที่เก็บร้าน เราพบว่ามีขยะพลาสติกในถังขยะเยอะมากๆ นั่นจึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เราฉุกคิดว่า การทำกาแฟที่เรารัก กำลังสร้างภาระให้กับสิ่งแวดล้อมอยู่ เราจึงเริ่มลดใช้พลาสติก โดยเสิร์ฟเครื่องดื่มในแก้วจริงๆ ให้กับลูกค้าที่นั่งดื่มในร้าน หลังจากทำไปได้สักพัก เราพบว่าปริมาณการใช้พลาสติกลดลงไปอย่างเห็นได้ชัด หลังจากนั้นก็มีลูกค้าประจำหลายคนปฏิเสธที่จะรับหลอดพลาสติก หลายคนเริ่มนำแก้วส่วนตัวมาเอง 

การดื่มกาแฟสำหรับบางคนมันกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของเขาไปแล้ว มันคงจะดี ถ้าการดื่มกาแฟของเขาไม่ไปสร้างภาระให้กับสิ่งแวดล้อม

ทางร้านมีวิธีปรับลดการใช้พลาสติกอย่างไร?

เริ่มจากเมื่อลูกค้านำขวดหรือแก้วส่วนตัวมาเอง ก็จะได้รับส่วนลด 5 บาท ต่อมาก็เปลี่ยนหลอด จากเดิมที่เป็นหลอดพลาสติกก็เปลี่ยนมาใช้หลอดกระดาษแทน เปลี่ยนภาชนะอาหารเป็นกล่องชานอ้อย  ใช้ถุงกระดาษสำหรับใส่เครื่องดื่ม take away

ชั้นวางขายหลอดใช้ซ้ำ เป็นช่องทางให้คอกาแฟเลือกซื้อหลอดใช้ซ้ำไปใช้ต่อกับกาแฟแก้วต่อไปโดยไม่ต้องใช้หลอดพลาสติก

ในช่วงแรกๆ เรายังไม่สามารถเปลี่ยนได้ทันทีเนื่องจากมีการสต๊อกสินค้าไว้เยอะจึงทำให้ทางร้านต้องทยอยใช้พลาสติกให้หมดก่อน ถึงจะสามารถเปลี่ยนได้ แต่สุดท้ายเราตัดสินใจนำหลอดพลาสติกที่เหลืออยู่

ทั้งหมดไปบริจาคให้กับ มูลนิธิพลังที่ยั่งยืน เพื่อนำไปทำหมอนให้กับผู้ป่วยติดเตียง และเปลี่ยนมาใช้หลอดกระดาษรวมไปถึงการใช้กล่องชานอ้อยใส่อาหาร

 

ก้าวต่อไปสู่การเป็นคาเฟ่ที่ไม่สร้างขยะพลาสติกที่ใช้ครั้งเดียวทิ้งเลย

ในอนาคตทางร้านตั้งใจไว้ว่าจะมีการทำแก้วเซรามิกมาวางขายเพื่อรณรงค์ให้ลูกค้าใช้ภาชนะใช้ซ้ำ หรือจะฝากไว้กับทางร้านเพื่อกลับมาใช้เป็นแก้วส่วนตัวของลูกค้าเองก็ได้ ถือว่าเป็นอีกหนึ่งไอเดียดีๆที่ทางร้านได้บริการให้กับลูกค้าที่อยากจะ go green ไปด้วยกัน 

ตอนนี้ทางร้านเริ่มมีการวางขายหลอดใช้ซ้ำได้อย่าง หลอดแก้วและหลอดสเตนเลส รวมถึงอุปกรณ์ทำความสะอาดหลอดด้วย  นี่เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่เห็นได้ชัดเลยว่าไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงแบบรายบุคคล กลุ่มคน ชุมชน องค์กรขนาดเล็ก ก็สามารถขับเคลื่อนให้เกิดสิ่งดีๆ ต่อโลกได้มากมายเพียงแค่คุณเริ่มคิดที่จะเปลี่ยนและลงมือทำบางสิ่งเล็กน้อยๆ แต่เชื่อเถอะว่า คุณนั้นก็เป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งที่ช่วยทำให้โลกของเราดีขึ้นได้

“ในฐานะของบาริสต้าและคนดื่มกาแฟ เราก็อยากส่งเสริมการลดขยะพลาสติกทุกรูปแบบครับ  ซึ่งสิ่งที่เราพอจะทำได้คือการปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิต ลดการใช้ภาชนะพลาสติกที่ใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้ง ช่วงแรกๆอาจจะดูไม่สะดวกสบายที่ต้องพกขวดน้ำ กล่องอาหาร และถุงผ้าไปทุกที่ แต่เชื่อเราเถอะว่าพอเริ่มปรับตัวได้ ทุกอย่างจะกลายเป็นเรื่องง่ายมาก และนี่คือ Lifestyle ของคนรุ่นปู่ย่าเรา ก่อนที่ภาชนะพลาสติกใช้แล้วทิ้งจะถูกนำมาใช้กันอย่างแพร่หลายแบบทุกวันนี้”

หากเราลองไตร่ตรองดูให้ดี เราก็จะพบว่า จริงๆแล้วการลดใช้พลาสติกที่ใช้ครั้งเดียวทิ้งนั้นไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแต่เราต้องค่อยๆปรับพฤติกรรมของตัวเอง อาจจะเริ่มจากที่ตัวเราเองก่อนแล้วค่อยขยับเขยื้อนไปปรับพฤติกรรมที่กว้างมากกว่านั้นอย่างเช่น คุณปุ้ทและคุณเติ้ง เจ้าของร้านกาแฟน่ารักๆแห่งนี้ ที่เริ่มต้นจากสิ่งเล็กๆที่เรียกว่าหลอดพลาสติก แล้วค่อยๆขยับขยายไปลดใช้พลาสติกที่ใช้ครั้งเดียวทิ้งในเรื่องอื่นๆนั่นเอง

 

เรื่องและภาพโดย ธัญพิชชา ลอยกลิ่น นักศึกษาฝึกงาน กรีนพีซ