ถ้าพูดถึงการทำประมง หลายคนมักมองว่าเป็นอาชีพสำหรับผู้ชาย แต่ที่อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลานั้นไม่ใช่ เรามีโอกาสได้พูดคุยกับทั้งก๊ะบ๊ะ ก๊ะหนับ และก๊ะส๊ะ แห่งอำเภอจะนะ ผู้แหกขนบภาพจำว่าผู้หญิงต้องเลี้ยงลูกอยู่บ้าน โดยทั้งสามออกเรือทำประมง ต่อยอดอาชีพผ่านทรัพยากรด้วยวิถีประมงยั่งยืน และยังเป็นแกนนำเคลื่อนไหวปกป้องท้องทะเลบ้านเกิดอีกด้วย
![](https://www.greenpeace.org/static/planet4-thailand-stateless/2023/06/e3d9b63e-1-1024x681.jpg)
ว่าแต่… จะนะแตกต่างจากที่อื่นอย่างไร ทำไมเหล่าก๊ะๆ สามารถเปลี่ยน “บทบาท” ออกมาทำประมง แถมเป็นผู้นำการเคลื่อนไหวปกป้องทะเลจากนิคมอุตสาหกรรม เรามาไขคำตอบกับลอกีบ๊ะ หมัดเหล็ง(ก๊ะบ๊ะ), ไซหนับ ยะหมัดยะ(ก๊ะหนับ), และรอซีส๊ะ เหล็มเหลาะ(ก๊ะส๊ะ) ไปด้วยกัน
วิถีประมงพื้นบ้าน การทำประมงยั่งยืน
เรานั่งริมหาดคุยกับก๊ะแบบสบายๆ ใต้ร่มไม้ในหาดสวนกง “ก๊ะบ๊ะ” เริ่มเกริ่นถึงที่มาของ
“กลุ่มเต่าไข่” กลุ่มประมงหญิงในชุมชนที่ทั้งสามเป็นสมาชิก ซึ่งรวมตัวกันนำอาหารทะเลที่ตนและครอบครัวออกเรือได้มา แปรรูปขายเพื่อสร้างรายได้ให้ชุมชน โดยวิถีของการทำประมงขึ้นอยู่กับสัตว์น้ำตามแต่ละฤดูกาล
ย้อนไปในวัยเด็ก ทั้งก๊ะบ๊ะ ก๊ะหนับ และก๊ะส๊ะ ต่างเติบโตมากับทะเลจะนะ พวกเขาเล่าว่าเห็นทะเลมาตั้งแต่จำความได้ ขณะที่ครอบครัวของทั้งสามประกอบอาชีพประมงมาตั้งแต่กำเนิด ทำให้ได้เรียนรู้การทำประมงจากการช่วยที่บ้าน เช่น การปลดสัตว์น้ำที่จับมาได้ออกจากอวน หรือเอาสัตว์ทะเลที่จับมาได้ไปขายตามตลาดและแม่ค้าคนกลาง
![](https://www.greenpeace.org/static/planet4-thailand-stateless/2023/06/dd01f579-2-1024x681.jpg)
วันเวลาผ่านไป ทั้งสามต่างเติบโตมีครอบครัว แต่ที่ยังคงเดิม คือวิถีชีวิตที่ยังคงผูกโยงกับท้องทะเล
ดังนั้น การทำประมงของก๊ะทั้งสามจะใช้เครื่องมือที่ไม่ทำร้ายทะเล โดยใช้อวนหรือแหที่ถักมือขึ้นมาเอง อวนแต่ละชนิดจะมีรูตาข่ายกว้างไม่เท่ากัน เพื่อให้เหมาะสมกับสัตว์น้ำที่จะจับ ไม่ให้ติดสัตว์น้ำพลอยได้
“อวนกุ้งก็จะเล็กหน่อย ใหญ่ขึ้นมาก็จะเป็นอวนหมึก อวนปู รวมไปถึงอวนจับปลาโดยเฉพาะปลาหลังเขียวที่อาศัยอยู่ในทะเลจะนะเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ยังมีอวนเฉพาะปลาอินทรีย์ ปลาเก๋า ปลาโคก ปลาสาก ปลากระพง ปลาน้ำดอกไม้ และปลาอื่นๆอีกมากมายที่หาได้จากทะเลจะนะ”
การทำประมงลักษณะนี้จะทำให้สัตว์น้ำวัยอ่อนหรือลูกปลาตัวเล็ก ๆ ไม่ถูกจับขึ้นมาก่อนเวลาที่จะเติบโต สัตว์น้ำเหล่านี้จึงมีโอกาสขยายพันธุ์ได้ต่อไปเรื่อย ๆ
ทั้งสามคนอธิบายต่อว่า ปลาส่วนใหญ่ที่จับมาได้จะถูกแบ่งเป็นสามส่วนคือเก็บไว้กิน ขายเองที่ตลาด และขายผ่านแม่ค้าคนกลาง ก่อนที่ก๊ะหนับเล่าด้วยเสียงขบขันว่า “ส่วนมากไม่ค่อยได้กินหรอก เบื่อแล้ว กินบ่อยมากมาตั้งแต่เด็ก”
แม้จะเป็นคำพูดติดตลก แต่โดยนัยกลับแสดงออกถึงความอุดมสมบูรณ์ของทะเลจะนะได้เป็นอย่างดี
รื้อฟื้นความเสื่อมโทรม
“ถ้าถามว่ามันเปลี่ยนไหม มันเปลี่ยนอยู่แล้วถ้าเทียบกับตอนเด็ก ยิ่งช่วงที่ยังไม่มีกฎหมายบังคับห้ามใช้อวนลากเกือบทำให้ปลาลามะสูญพันธุ์ไปจากทะเลจะนะ” ก๊ะส๊ะเริ่มเล่าถึงความเปลี่ยนแปลงของทะเลที่เธออาศัยอยู่มาชั่วชีวิต
![คลองนาทับ อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา. © Sirachai Arunrugstichai / Greenpeace คลองนาทับ อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา. © Sirachai Arunrugstichai / Greenpeace](https://www.greenpeace.org/static/planet4-thailand-stateless/2023/06/e19c6c4d-gp0stv4xk-1024x683.jpg)
ภายใต้โครงการนิคมอุตสาหกรรมจะนะ © Sirachai Arunrugstichai / Greenpeace
เมื่อทะเลจะนะเริ่มเสื่อมโทรม สัตว์น้ำหายไป คนในชุมชนจึงเริ่มหันมาหาวิธีฟื้นฟู ซึ่งใช้เวลากว่าสองทศวรรษ กว่าปลาจะเริ่มกลับมา
”ปลาส่วนใหญ่เพิ่งเริ่มกลับมาช่วงที่ชาวบ้านหันมาทำซั้งปลา ปะการังเทียม แต่ก็ใช้เวลากว่า 20 ปีเหมือนกันที่จะทำให้ทะเลจะนะกลับมามีพันธุ์ปลาที่หลากหลาย” ก๊ะหนับอธิบาย
“แต่ถ้าถามว่าคุ้มค่าไหม มันเป็นการลงทุนที่คุ้มค่ามากเพระเราทำให้ทะเลที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยสัตว์นานาชนิดอยู่แล้วกลับมามีชีวิตมากกว่าเดิม นี่ยิ่งทำให้เห็นว่าทำไมเราถึงหวงแหนทะเลบ้านเรา”
ความภาคภูมิใจของอาชีพประมงหญิง
โดยทั่วไปแล้ว ชาวประมงที่ออกทะเลมักจะเป็นผู้ชาย แต่ทั้งก๊ะบ๊ะ ก๊ะหนับ ก๊ะส๊ะ และประมงหญิงอีกจำนวนไม่น้อยในจะนะออกทำประมงเพื่อหารายได้ โดยใช้ความรู้ ประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญที่สั่งสมมาจากการเติบโตมากับทะเล ลบภาพจำเก่าๆ พร้อมกับสร้างบทบาทใหม่ของผู้หญิงในอุตสาหกรรมประมง
![](https://www.greenpeace.org/static/planet4-thailand-stateless/2023/06/440915c3-4-1024x681.jpg)
เดินบนชายหาดหน้าหาดสวนกง ซึ่งมีเรือประมงพื้นบ้านจอดเรียงราย
“ผู้หญิงเราแข็งแรงสามารถทำงานนี้ได้ บางคนท้องเจ็ดถึงแปดเดือนยังออกทะเลอยู่เลย อาชีพประมงนี้มันไม่ใช่แค่ออกเรือ หลังได้ปลามายังมีขั้นตอน เอาปลาไปขาย คัดแยกปลา เตรียมอุปกรณ์ออกเรือ ซื้อน้ำมัน เราก็ทำได้หมด” ก๊ะส๊ะอธิบาย
และสำหรับก๊ะทั้งสาม ทะเลไม่ใช่เพียงแหล่งรายได้ แต่เป็นของส่วนรวม เป็นสถานที่ที่ทุกคนในหมู่บ้านสามารถออกเรือหาปลามาขายเพื่อสร้างรายได้ หรือนำมาเป็นวัตถุดิบประกอบอาหาร รวมถึงเป็นสิ่งที่ค้ำจุนชีวิต ซึ่งสิ่งนี้ถูกถ่ายทอดออกมาผ่านประโยคสั้นๆ
ก๊ะบ๊ะ: “ถ้าพูดง่าย ๆ สำหรับชาวบ้านแบบเราธนาคารอยู่ในเล ค่าเทอม ค่าใช้จ่ายภายในบ้านเรามีกินมีใช้ก็เพราะทะเล ถ้าไม่มีทะเลเราและครอบครัวเราก็อยู่ไม่ได้”
ก๊ะหนับ: “เราโชคดีที่เกิดอยู่ริมเล ไม่ได้มีมากแต่ลูกเราไม่เคยอด เราเลี้ยงลูกได้ส่งลูกเรียนจนจบเพราะเราทำประมง”
![](https://www.greenpeace.org/static/planet4-thailand-stateless/2023/06/b4f9ff3e-5-1024x681.jpg)
ก๊ะส๊ะ: “ริมเลที่เราอยู่นี้ ถ้าเปรียบเทียบกับคนที่อยู่บนควน เวลาฝนตกเขาทำอาชีพกรีดยางก็กรีดไม่ได้ รายได้ของวันนั้นก็จะหายไป แต่เราไม่ใช่ฝนตก เราก็ยังออกเลได้ มีกินมีใช้ไม่ขาดมือทำให้เรามีรายได้ทุกวัน”
แนวหน้าปกป้องทะเล
ชาวจะนะกำลังต่อสู้กับนิคมอุตสาหกรรม ซึ่งจะส่งผลกระทบไม่เพียงแค่ทะเล แต่รวมถึงทรัพยากรธรรมชาติ อากาศ สุขภาพคนในชุมชน และวิถีชีวิต และนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ชาวจะนะออกมาต่อสู้
ก่อนหน้านี้ชาวจะนะต่อสู้คัดค้านโรงไฟฟ้า โรงส่งท่อก๊าซ และอุตสาหกรรมอื่นๆที่จะส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งในทุกการต่อสู้ มักมีผู้หญิง “เป็นแนวหน้า”
![](https://www.greenpeace.org/static/planet4-thailand-stateless/2022/09/2e955453-gp1swuz8_-1024x683.jpg)
ในครั้งนี้ก็ไม่ต่างกัน ก๊ะสามคนชี้ว่า การคัดค้านนิคมฯจะนะ เป็นอีกหนึ่งการต่อสู้ที่ไม่ได้ทำเพื่อตัวเอง แต่เพื่อลูกหลาน
“พวกเขาที่จะอยู่ต่อไปอีกเป็นยี่สิบสามสิบปี ตัวเราเดี๋ยวก็ตายแล้ว แต่เราต้องทำ เพราะถ้าเราไม่สู้เราในวันนี้ และลูกหลานเราในวันหน้าก็ไม่มีที่จะอยู่”
สำหรับคนนอกอาจฟังดูเป็นเรื่องไกลตัว หากมองเผิน ๆ นิคมอุตสาหกรรมจะนะที่จะเกิดขึ้นนี้ดูเหมือนจะสร้างรายได้ให้กับชุมชน แต่ในมุมของชุมชน การเข้ามาของอุตสาหกรรมนิคมจะนะสร้างความกังวลต่อชุมชนว่าอาจทำให้เกิดความสูญเสียทางอาชีพเช่นกัน สิ่งแวดล้อมและความหลากหลายทางชีวภาพที่เป็นฐานอาชีพที่สร้างรายได้มหาศาลก็อาจได้รับผลกระทบ
ความไม่แน่นอนของผลกระทบนิคมอุตสาหกรรมจะนะ ทำให้ก๊ะทั้งสามและชุมชนออกมาคัดค้าน และสิ่งที่พวกเธอขอไม่ได้มากเกินกว่าสิทธิมนุษยชนพื้นฐานที่ทุกคนพึงได้รับ นั่นคือการได้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดี อากาศสะอาด และโอกาสได้มีส่วนร่วมในการออกแบบการพัฒนาบ้านเกิดของตนเอง
![หาดสวนกง อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา. © Songwut Jullanan / Greenpeace หาดสวนกง อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา. © Songwut Jullanan / Greenpeace](https://www.greenpeace.org/static/planet4-thailand-stateless/2023/06/eebadcfb-gp0stvjjk-1024x681.jpg)
“วันไหนที่ไม่มีเล ให้เราไปอยู่ควน เหมือนตายทั้งเป็นเลย มืดแปดด้าน เพราะเราไม่มีเล โตมากับทะเลเราก็อยากตายไปกับทะเล ตายในที่นี้อาจไม่ใช่การสูญเสียเลือดเพราะการต่อสู้ แต่เป็นการต่อสู้เพื่อสิ่งที่ลูกหลานเราได้มีอาชีพให้ทำโดยที่ไม่ต้องออกไปลำบากหางานและรับมลพิษจากที่อื่น เราทำทั้งหมดเพื่อลูกหลานเรา และอยากให้คนบนหอคอยหรือนายทุนฟังเสียงของพวกเราอย่างจริงใจ” – ก๊ะบ๊ะ กล่าวปิดท้าย
![Chana Community Protest at UN Office in Bangkok. © Chanklang Kanthong / Greenpeace Chana Community Protest at UN Office in Bangkok. © Chanklang Kanthong / Greenpeace](https://www.greenpeace.org/static/planet4-thailand-stateless/2023/06/182e6ee0-gp1swq70-1024x656.jpg)
อ่านเรื่องราววิถีชีวิตชาวจะนะและผลกระทบของนิคมอุตสาหกรรม