มายาคติ: ค่าใช้จ่ายแบตเตอรีในการกักเก็บพลังงานหมุนเวียนนั้นแพงเกินไป และมีความจุไม่เพียงพอ

วิธีกักเก็บพลังงานไม่ได้มีเพียงแค่การใช้แบตเตอรี

การกักเก็บพลังงานสำรองสามารถใช้เทคโนโลยีได้มากมายและมีวิธีการหลากหลายรูปแบบ ทั้งการใช้น้ำแบบสูบกลับ ไฮโดรเจน และการสะสมความร้อน แต่เมื่อคนทั่วไปกล่าวถึงค่าใช้จ่ายในการกักเก็บพลังงาน พวกเขามักจะหมายถึงค่าใช้จ่ายในการใช้แบตเตอรี อย่างไรก็ดี ค่าใช้จ่ายในการใช้แบตเตอรีเองก็ลดลงอย่างรวดเร็วในช่วงปีที่ผ่านมาพร้อมๆกับราคาแผงโซลาร์ที่ลดลงเช่นเดียวกัน

ค่าใช้จ่ายในการใช้แบตเตอรี

ค่าใช้จ่ายในการใช้แบตเตอรีลดลงมาถึงร้อยละ 19 ในช่วงห้าปีที่ผ่านมา และยังคาดว่าจะลดลงมาอีกหนึ่งในสามในปี 2563 จากการประเมินของทบวงพลังงานระหว่างประเทศ (ดูที่ข้อมูล ด้านล่าง) ซึ่งค่าใช้จ่ายดังกล่าวอยู่ในระดับต่ำจนทางอีเกีย (IKEA) เองยังประกาศว่าจะเริ่มวางขายแผงโซลาร์ที่กักเก็บพลังงานผ่านแบตเตอรีที่สาขาต่างๆในประเทศอังกฤษ ส่วนการลงทุนด้านการกักเก็บพลังงานด้วยแบตเตอรีที่นำมาใช้กับระบบสายส่งไฟฟ้าก็กำลังพุ่งสูงขึ้นด้วยเช่นกัน โดยเพิ่มขึ้นถึง 6 เท่าตัวในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ถึง 600 เมกะวัตต์ในปี 2559

นอกจากนี้ แบตเตอรียังมีความมีความจุมหาศาล โดยโรงงานเหล็กแห่งหนึ่งในรัฐแอละแบมาสามารถปฏิบัติการด้วยระบบพลังงานแสงอาทิตย์ได้ทั้งหมดโดยใช้แผงโซลาร์และความจุแบตเตอรี แม้ว่าจะยังเป็นเพียงแค่เทคโนโลยีแบตเตอรีในปัจจุบันก็ตาม

ที่มา Source

พัฒนาการของเทคโนโลยีแบตเตอรี

บริษัทเทสลามอเตอร์ส (Tesla) กำลังสร้างแบตเตอรีที่ใหญ่ที่สุดในออสเตรเลียใต้เพื่อจัดการกับปัญหาไฟฟ้าไม่เพียงพอ ซึ่งสำเร็จไปแล้วถึงครึ่งหนึ่ง บริษัทผู้ผลิตรถยนต์เองก็กำลังพัฒนารถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า โดยโฟล์กสวาเกน (VW) กล่าวว่าจะสามารถผลิตรถยนต์ไฟฟ้าออกสู่ตลาดได้ถึง 50 รูปแบบภายในปี 2568 ส่วนทางไดม์เลอร์ (Daimler) กล่าวว่าหลักทรัพย์การลงทุนทั้งหมดของบริษัทจะเป็นไฟฟ้าทั้งหมดภายในปี 2565 แม้แต่ทางแอร์บัส (Airbus) ก็กำลังพัฒนาเครื่องบินที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานจากแบตเตอรี และอีซีเจ็ท (Easyjet) กล่าวว่าจะสามารถทำให้เครื่องบินระบบดังกล่าวใช้บินได้จริงภายในสิบปีข้างหน้า ความต้องการใช้แบตเตอรีจึงสูงขึ้นมากจนทางคณะกรรมาธิการยุโรป (European Commission) ตัดสินใจจับมือทำข้อตกลงกันกับแอร์บัส เพื่อให้ยุโรปสามารถแข่งขันในตลาดแบตเตอรีได้

ความต้องการใช้แบตเตอรีและเทคโนโลยีแบตเตอรีนั้นกำลังเติบโตขึ้นเรื่อยๆโดยมีประเทศและบริษัทต่างๆมากมายพยายามจะขึ้นมาเป็นผู้นำในตลาด ซึ่งการกักเก็บพลังงานแบบ “space race” จะช่วยทำให้มีการพัฒนาเทคโนโลยีที่ดียิ่งขึ้นไปอีกพร้อมทั้งราคาที่ลดลง

นอกจากนี้ยังคาดว่าความต้องการแบตเตอรีในอนาคตจะเพิ่มขึ้นอีกจนธุรกิจจำนวนมากได้ตัดสินใจร่วมมือกันกับองค์กรสากลและองค์กรไม่แสวงผลกำไร เพื่อลดผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมและสังคมที่เกิดจากการทำเหมืองวัตถุดิบต่างๆ

ประเด็นสำคัญ : การกักเก็บพลังงานด้วยแบตเตอรีกำลังพัฒนาขึ้นอย่างก้าวกระโดด โดยมีการลงทุนที่มากขึ้นถึง 6 เท่าตัวตั้งแต่ปี 2554 ในขณะที่ราคาแบตเตอรีกลับลดต่ำลง โดยลดลงถึงร้อยละ 19 ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา