เด็กในภาคอีสานและใต้ที่สุดได้รับผลกระทบจากวิกฤตสภาพภูมิอากาศมากที่สุด
ปี 2562 เด็กในไทย 73% ไปโรงเรียนไม่ได้จากสภาพอากาศสุดขั้ว
แม้ว่าเด็กจะเป็นกลุ่มคนที่ก่อวิกฤตสภาพภูมิอากาศน้อยมาก อย่างไรก็ตาม รายงานการประเมินผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและความเสื่อมโทรมของสิ่งแวดล้อมต่อเด็กในประเทศไทย โดยองค์กร Unicef Thailand เผยให้เห็นว่าเด็กที่อาศัยอยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคใต้ของไทยที่ได้รับผลกระทบของวิกฤตสภาพภูมิอากาศเช่น ภัยแล้ง คลื่นความร้อน น้ำท่วม มากที่สุด
วิกฤตสภาพภูมิอากาศส่งผลกระทบต่อสุขภาพและทุกแง่มุมของชีวิตของเด็ก อาจทำให้เด็กต้องออกจากการศึกษาและต้องอพยพย้ายถิ่นฐาน โดยในปี 2562 เด็กในไทยกว่า 73% ไม่สามารถไปโรงเรียนได้จากสภาพอากาศสุดขั้ว ซึ่งเกิดถี่ขึ้น รุนแรงขึ้นและกระจายตัวมากขึ้นอีกด้วย ในปีนั้น อุบลราชธานีมีเด็กได้รับผลกระทบมากที่สุดจากอุทกภัยที่ร้ายแรง
รายงานยังชี้อีกว่า 10 จังหวัดคืออุบลราชธานี นครราชสีมา ศรีสะเกษ นครศรีธรรมราช นราธิวาส สุรินทร์ สงขลา บุรีรัมย์ ขอนแก่น และสุราษฎร์ธานีมีความเสี่ยงสูงด้านสภาพภูมิอากาศระหว่างปี พ.ศ. 2559 – 2578
ผลกระทบที่พวกเราและเด็ก ๆ ได้รับจากวิกฤตสภาพภูมิอากาศที่เกิดนั้น เป็นเพราะการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ของกลุ่มอุตสาหกรรมผู้ก่อมลพิษหลัก ไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมเชื้อเพลิงฟอสซิล อุตสาหกรรมปศุสัตว์ สิ่งที่เราทำได้คือการรวมพลังกันเพื่อบอกให้นักการเมืองและผู้กำหนดนโยบายของประเทศเห็นความสำคัญของวิกฤตสภาพภูมิอากาศต่ออนาคตของเรา สนับสนุนการเคลื่อนไหวของเยาวชน เข้าร่วมกับการเคลื่อนไหวในชุมชนท้องถิ่นเพื่อเรียกร้องถึงการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมและสิทธิมนุษยชนอย่างจริงจัง
รัฐบาลไทยและทั่วโลกต้องเดินหน้าตามเป้าหมายเพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์อย่างเป็นรูปธรรม รวมทั้งวางแผนรับมือกับความเสี่ยงจากสภาพอากาศสุดขั้วมากไปกว่านั้นเด็กควรได้มีส่วนร่วมในการแก้ไขวิกฤตสภาพภูมิอากาศ ไม่ใช่เป็นผู้รอรับความช่วยเหลืออย่างเดียว เพราะสุดท้ายแล้วอนาคตคืออนาคตของเด็กด้วยเช่นกัน
ข้อมูลอ้างอิง >> https://www.unicef.org/thailand/th/reports/impact-assessment-climate-change-and-environmental-degradation-children-thailand
อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับสถานการณ์วิกฤตสภาพภูมิอากาศ >> https://www.greenpeace.org/thailand/tag/climate/
#ClimateEmergency #วิกฤตสภาพภูมิอากาศ