“เมื่อคุณซื้อเฟอร์นิเจอร์ คุณบอกกับตัวเองว่า นี่จะเป็นโซฟาตัวสุดท้ายที่ฉันต้องการในชีวิต… แล้วก็ตามมาด้วยชุดจานชาม เตียงนอน ผ้าม่าน พรม และแล้วคุณก็ติดอยู่ในบ้านที่แสนน่ารักของคุณ สิ่งต่างๆ ที่คุณเคยเป็นเจ้าของ ตอนนี้มันได้เป็นเจ้าของคุณแล้ว” Chuck Palahniuk, Fight Club กล่าว

พวกเราหลายคนอาศัยอยู่ในโลกที่ความสุขคือการเลือกระหว่างขวดน้ำพลาสติก 17 ยี่ห้อ ถึงแม้ว่าน้ำที่ออกมานั้นจะเหมือนกันก็ตาม เราซื้อของที่ระลึกซึ่งมีที่ผลิตที่อยู่ห่างไกลจากสถานที่ที่เราซื้อมา เรากำลังหลงเสน่ห์กับสิ่งประดับเล็กๆน้อยๆ โดยที่เราก็รู้ว่าสิ่งที่มีมูลค่าต้องได้รับการห่อบรรจุภัณฑ์ที่มีความแข็งแรงของไทเทเนียมถึง 3 ชั้น เราประดับตกแต่งสำนักงานของเราด้วยกระดาษ Post-it Notes และใช้เวลาอาบน้ำเป็นเวลานานหลังจากที่ตัวของเราก็สะอาดแล้ว

พวกเราวิ่งแข่งกันไปตามทางเดินในห้างสรรพสินค้า ยื่นมือออกไป แล้วกวาดสิ่งของต่างๆจากชั้นวาง ลงไปในรถเข็นช้อปปิ้ง พวกเราตระหนักรู้เพียงลางๆเท่านั้นว่ามีคนมากกว่าหนึ่งพันล้านคนทั่วโลก ที่ไม่มีโอกาสเข้าถึงปัจจัยพื้นฐาน เช่น น้ำและเครื่องนุ่งห่ม

พวกเราซื้อสิ่งของเพียงเพื่อความสะดวกสบาย โดยไม่ตระหนักเลยว่าการผลิตและการทำลายของเหล่านั้นไม่ง่ายเลยสักนิด

เรื่องราวของช้อนเป็นอุทาหรณ์ให้กับผู้คน เพื่อที่จะหยุดการวิ่งแข่งกันไปตามทางเดินในห้างสรรพสินค้า เดินช้าลงสักนิด  เพื่อใช้เวลาสักครู่คิดดูว่าเราซื้อสิ่งของต่างๆ มีกระบวนการผลิตอย่างไร และเกิดอะไรขึ้นกับสิ่งของเหล่านั้นเมื่อเราไม่ได้ใช้งานมันแล้ว

เป็นเรื่องของการถามตัวเราเองว่า เมื่อคุณพิจารณาถึงอดีตและอนาคตของสิ่งๆหนึ่ง ว่าจะมีทางเลือกที่ยั่งยืนมากขึ้นไหม เป็นเรื่องของการทำความเข้าใจ การพึ่งพาซึ่งกันและกันของเรากับสิ่งแวดล้อม และการเปลี่ยนแปลงวิถีการบริโภคให้ดีขึ้น

เรากำลังเริ่มจะเข้าใจ และกำลังสร้างการเปลี่ยนแปลง เรากำลังลดการใช้ ใช้ซ้ำ และรีไซเคิลให้มากขึ้น ร้านขายของชำในหลายเมืองของหลายประเทศมีนโยบายไม่ให้ถุงพลาสติก และพวกเราก็มีการแลกเปลี่ยนเสื้อผ้ากันหรือส่งต่อเสื้อผ้าเหล่านั้นไปให้ผู้ที่ต้องการแทนที่จะทิ้งและเสพติดการช้อปปิ้งเสื้อผ้าใหม่

อันที่จริงแล้ว…จุดเริ่มต้นและจุดจบของสิ่งๆหนึ่ง มันขึ้นอยู่กับตัวคุณ


แปลโดย จันทร์นารี ถัดทะพงศ์ อาสาสมัครกรีนพีซ