โปรเจค ‘CitizenClimate’ คือโปรเจคที่รวบรวมผู้คนจากทั่วโลกที่กำลังลงมือทำอะไรบางอย่างเพื่อประโยชน์ต่อโลก

เหล่าคนดังในเกาหลีใต้ตบเท้าร่วมโปรเจคเพื่อสิ่งแวดล้อมของช่างภาพ โซซอนฮี ในคอลัมน์ของนิตยาสาร W © Cho Sun-Hee

ในบทความนี้เราจะมาพูดคุยกับคุณโชซอนฮี ช่างภาพที่ทำงานอยู่ในโซล เกาหลีใต้ 

โปรเจคที่โชซอนฮีทำล่าสุดคือการถ่ายภาพศิลปินคนดังให้กับนิตยสาร W ร่วมกับกรีนพีซ เกาหลี เพื่อดึงดูดให้คนหันมาสนใจประเด็นสิ่งแวดล้อมและร่วมลงมือแก้ไขปัญหามากขึ้น

การร่วมมือระหว่างนิตยสาร W กับกรีนพีซในครั้งนี้ มีที่มาที่ไปอย่างไรบ้าง?

ฉันเป็นคนที่สนใจในงานรณรงค์ของกรีนพีซมาตลอด โดยมักจะเข้าเว็บไซต์แล้วเข้าไปอ่านประเด็นต่าง ๆ เป็นประจำ ลูกชายของฉันเองก็สนใจในประเด็นสิ่งแวดล้อม ซึ่งอยู่ดี ๆ วันหนึ่งเขาก็พูดกับฉันว่า ‘แม่โชคดีจังเลย’ ฉันถามเขาต่อว่าหมายความว่าอะไร เขาก็ตอบกลับมาว่า ‘แม่เกิดมาในช่วงเวลาที่มีอากาศบริสุทธิ์กว่าตอนนี้ไงครับ’ ประโยคนั้นทำให้ฉันสะเทือนใจมาก และลูกชายของฉันสร้างแรงผลักดันให้ฉันโดยไม่รู้ตัว

หลังจากนั้นฉันก็ได้รับการติดต่อจากกรีนพีซเพื่อทำงานร่วมกัน นั่นทำให้ฉันมองเห็นโอกาสที่จะใช้ทักษะที่ฉันมีสนับสนุนให้มีคนเข้าใจปัญหาสิ่งแวดล้อมมากขึ้นและอยากสร้างการเปลี่ยนแปลงให้ได้มากกว่าการพยายามทำให้ชีวิตประจำวันของตัวเองเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม อย่างการรีไซเคิล ฉันตอบกลับกรีนพีซโดยไม่ลังเล ฉันอยากจะนำ ‘เสียงของศิลปินและคนดัง’ มาเป็นพลังทำให้ประเด็นเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นที่รู้จักมากขึ้น ซึ่งประเด็นดังกล่าวเชื่อมโยงและส่งผลกับชีวิตประจำวันของเรา ในฐานะที่ฉันเป็นช่างภาพ ฉันอยากจะลองสื่อสารเรื่องนี้ดูสักครั้ง

ภาพโชซอนฮีขณะที่เธอกำลังทำงาน © Cho Sun-Hee

คุณได้ร่วมทำงานกับเหล่าคนดังในเกาหลีใต้เพื่อสร้างการรับรู้ในประเด็นสภาพภูมิอากาศได้อย่างไร?

แม้ว่าโปรเจคนี้จะตั้งต้นมาด้วยคอนเซ็ปต์ที่น่าสนใจ แต่แน่นอนว่าไม่ง่ายเลยเพราะศิลปินคนดังเหล่านี้มีตารางงานที่ยุ่งมากรวมทั้งสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ที่ไม่แน่นอนในปีที่ผ่านมา ต้องขอบคุณพวกเขาเพราะโปรเจคนี้จะไม่สำเร็จเลยหากขาดความตั้งใจดีจากคนดังเหล่านี้ การถ่ายภาพครั้งหนึ่งต้องประสานงานหลายอย่างมากตั้งแต่การจัดตารางงานให้ตรงกัน หาสตูดิโอในการถ่ายภาพที่ตรงกับแนวคิดที่วางไว้ นัดเวลาศิลปินและทีมช่างแต่งหน้า ช่างทำผม นอกจากนี้ศิลปินอาจปฏิเสธงานตั้งแต่การติดต่อครั้งแรกหากทีมงานคิดว่างานดังกล่าวไม่คุ้มค่าพอ ดังนั้นฉันจึงมั่นใจว่าศิลปินคนดังที่ตอบรับเข้าร่วมโปรเจคนี้สนใจในประเด็นสิ่งแวดล้อมและอยากจะส่งเสียงเพื่อโลกใบนี้

อี จองแจ (Lee Jung-Jae) นักแสดงผู้กลายเป็นที่รู้จักในระดับโลกหลังชนะรางวัลในระดับนานาชาติ และฝากฝีมือการแสดงไว้ในซีรีย์ สควิดเกม (Squid Game) แม้ว่าเราสองคนเป็นเพื่อนกันมากว่า 27 ปีแล้ว แต่งานครั้งนี้เป็นงานที่ฉันเห็นว่าเขากระตือรือล้นอยากทำมากแค่ไหน นั่นทำให้ฉันเห็นเขาในอีกด้านหนึ่งเพราะฉันเองไม่เคยรู้ว่าเขาจะสนใจประเด็นสิ่งแวดล้อมขนาดนี้มาก่อน อี จองแจ เป็นนักแสดงคนแรกที่เป็นแบบให้เราถ่ายภาพในโปรเจคนี้ซึ่งนั่นทำให้ฉันประหม่าเอามากๆ เพราะนอกจากฉันต้องการให้งานนี้ออกมาดีที่สุดแล้ว ฉันยังได้เห็นเขาในอีกด้านที่แตกต่าง เราทั้งคู่ทำงานร่วมกันมาหลายครั้งแล้ว แต่ไม่เคยมีครั้งไหนที่ฉันรู้สึกประหม่าเท่าครั้งนี้เลย ฉันคงปล่อยให้ความมุ่งมั่นที่จะทำงานออกมาดีครอบงำฉันเยอะไปหน่อย (หัวเราะ)

คุณได้แรงบันดาลใจในการสร้างคอนเซ็ปต์การถ่ายภาพอย่างไร?

ฉันพูดคุยและปรึกษากับทีมงานกรีนพีซเยอะมากเกี่ยวกับการนำเสนอประเด็นสิ่งแวดล้อมให้ออกมาเป็นภาพ คอนเซ็ปต์ที่ถูกนำมาใช้บ่อยๆในการถ่ายภาพในประเด็นนี้คือให้คนดังใส่เสื้อยืดที่มีข้อความรณรงค์ ซึ่งฉันอยากจะหลีกเลี่ยงวิธีนำเสนอแบบนี้ บางทีแบบนี้มันอาจจะได้ผลก็ได้นะแต่ฉันแค่อยากให้โปรเจคนี้มันก้าวข้ามภาพจำที่ว่าการเป็นศิลปินคนดังเหล่านี้กำลังทำความดี ซึ่งมันมีการพูดคุยเกี่ยวกับแนวทางที่จะทำให้ประเด็นสิ่งแวดล้อมกระจายสู่สาธารณะรวมทั้งทางออกของปัญหาผ่านงานภาพถ่ายได้ ทั้งการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น การเปลี่ยนผ่านพลังงานสู่พลังงานหมุนเวียนที่สะอาด ประเด็นเร่งด่วนเหล่านี้เป็นความท้าทายในด้านสิ่งแวดล้อมและควรจะเป็นจุดที่นำไปสู่การตั้งคำถามหรือการร่วมกันหาทางออกของปัญหาอย่างจริงจัง นี่คือสิ่งที่ฉันคิด

ในเวลาที่นักแสดงและศิลปินกำลังโพสต์หน้ากล้อง ฉันพยายามถ่ายทอดความตั้งใจของพวกเขาโดยไม่ให้ภาพออกมาซาบซึ้งมากเกินไป เพราะภาพถ่ายสามารถสื่อสารด้านอารมณ์ออกมาอย่างชัดเจน เช่นการให้ตัวแบบแสดงอารมณ์ผ่านท่าทางและสีหน้า อย่างเช่น ภาพน้ำตาที่ไหลออกมา อย่างไรก็ตามการถ่ายภาพที่มีพร๊อพ (สิ่งของประกอบฉาก) น้อยๆ และสื่อสารอารมณ์ออกมาได้อย่างเรียบหรูเฉียบขาดนั้นยากมากๆ

นักแสดงชื่อดังจากซีรีย์ สควิดเกม อีจองแจ กำลังเช็คภาพถ่ายกับช่างภาพโชซอนฮี ระหว่างการถ่ายภาพ © Cho Sun-Hee

จะเกิดอะไรขึ้นหากเหล่าไอคอนทางวัฒนธรรม เช่น ศิลปินและคนดังเหล่านี้ เริ่มพูดถึงประเด็นการเปลี่ยนสภาพภูมิอากาศมากขึ้น?

หนึ่งในเหตุผลที่ฉันคิดจะทำโปรเจคภาพถ่ายร่วมกับศิลปินและนักแสดงเหล่านี้ก็เพราะว่าพวกเขามีพลังในการดึงดูดความสนใจจากสาธารณะ คนเหล่านี้เป็นกลุ่มคนที่ประชาชนให้ความสนใจอยู่เสมอ และฉันก็หวังว่าภาพถ่ายคอลเลคชั่นนี้จะทำให้สาธารณะมองเห็นประเด็นสิ่งแวดล้อมที่ฉันตั้งใจสื่อสารออกไปให้ลึกมากขึ้น และกระตุ้นให้พวกเขารับรู้ปัญหา รวมทั้งเริ่มลงมือแก้ปัญหาอย่างจริงจัง

คุณสนใจประเด็นสิ่งแวดล้อมประเด็นไหนเป็นพิเศษบ้าง?

ฉันคิดว่าปัญหาพลาสติกที่ใช้ครั้งเดียวทิ้งเป็นปัญหาร้ายแรง เพราะเราใช้พลาสติกเหล่านี้มากเกินไปเพื่ออำนวยความสะดวกสบายให้กับตัวเรามากเกินไป ยกตัวอย่างเช่น ในการถ่ายภาพคอลเลคชั่นหนึ่งครั้งจะมีทีมงานที่ร่วมทำงานกันค่อนข้างเยอะ ซึ่งเป็นไปไม่ได้เลยที่จะกำจัดการใช้พลาสติกที่ใช้ครั้งเดียวทิ้งออกไปได้ทั้งหมด อย่างไรก็ตาม เราก็พยายามจำกัดการใช้พลาสติกที่ใช้แล้วทิ้งให้เหลือเพียงวันละ 1 ชิ้น ซึ่งฉันคิดว่ามันก็เป็นแนวทางที่ดี นอกจากนี้มันยังทำให้ฉันได้ไอเดียในการต่อยอดการทำงาน การถ่ายภาพคอลเลคชั่นนี้จึงเป็นประสบการณ์ที่ดีมาก

คุณคิดว่าอะไรคือเหตุผลสำคัญของการให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการสนับสนุนประเด็นสภาพภูมิอากาศ?

การร่วมทำงานกับกรีนพีซทำให้ฉันรู้สึกว่าประเด็นการเปลี่ยนแปลงกับสภาพภูมิอากาศเชื่อมโยงกับตัวเรามากขึ้น ภาวะโลกร้อนที่เกิดขึ้นทั่วโลกเคยถูกพูดคุยว่าเป็นแนวคิดที่คลุมเครือแต่ผลกระทบของมันก็ทำให้เห็นแล้วว่าเกิดคลื่นความร้อนร้ายแรงในฤดูร้อน ฤดูฝนที่ยาวนานขึ้น และพายุไต้ฝุ่นที่รุนแรงกว่าเดิม ส่วนฤดูหนาวนั้นก็ไม่มีอีกต่อไปแล้ว

การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศคือหายนะร้ายแรงที่มนุษย์สร้างขึ้นจากความโลภและความต้องการการบริโภค นอกจากนี้ฉันก็เพิ่งรู้อีกว่าภาครัฐและกลุ่มบริษัทก็ต้องปรับเปลี่ยนเพื่อแก้ปัญหานี้เช่นกันเพราะทั้งสองกลุ่มต่างเป็นกลุ่มสำคัญในการสร้างการเปลี่ยนแปลงได้มากกว่าการแก้ปัญหาในระดับตัวบุคคล ดังนั้นหากเราต้องการจะสร้างการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ เราจำเป็นต้องมีเสียงจากสาธารณะที่เป็นเสียงสนับสนุนให้การลงมือแก้ปัญหานี้เกิดขึ้น

นักแสดง พัคจินฮี กำลังถ่ายภาพในคอลเลคชั่น © Cho Sun-Hee

คุณมีความหวังเกี่ยวกับอนาคตอย่างไร?

ในช่วงที่กำลังถ่ายภาพศิลปินคนดังแต่ละคน ฉันเองก็ถามคำถามกับพวกเขาว่า ‘ทำไมคุณถึงตกลงเข้าร่วมโปรเจคนี้?’ และ ‘คุณมีวิธีดูแลสิ่งแวดล้อมในชีวิตประจำวันยังไงบ้าง’ ที่ฉันถามคำถามเหล่านี้ก็เพราะว่าอยากจะเรียนรู้เพิ่มเติม ซึ่งฉันรู้สึกท้อแท้ขึ้นมาเพราะคำตอบจากพวกเขาทำให้ได้รู้ว่าพวกเรายังอยู่ในสถานการณ์เดียวกันนั่นคือมีเพียงคนทั่ว ๆ ไปที่พยายามลดใช้พลาสติกที่ใช้ครั้งเดียวทิ้งและพยายามรีไซเคิล

ฉันคิดว่าเราต้องการให้ระบบการศึกษาเพิ่มประเด็นสิ่งแวดล้อมเข้าไปเพื่อให้ความรู้ว่าเสียงของคนธรรมดาแบบเราสามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงในเชิงบวกได้ ซึ่งโรงเรียนในเกาหลีใต้ก็ควรทำเช่นนี้ ถ้าเด็ก ๆ ของเราได้เรียนรู้เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้นรวมทั้งวิธีการปกป้องสิ่งแวดล้อมตั้งแต่ยังเด็ก พวกเขาก็จะเข้าใจปัญหานี้อย่างลึกซึ้งมากขึ้น เราต้องทำให้พวกเขารู้ถึงภัยคุกคามต่าง ๆ ที่กำลังทำให้โลกของเราตกอยู่ในอันตรายและวิธีการอะไรบ้างที่เราสามารถทำได้เพื่อต่อสู้กับวิกฤตสภาพภูมิอากาศ

ตอนนี้คุณมีโปรเจคงานที่เกี่ยวข้องกับประเด็นสิ่งแวดล้อม หรือวางแผนจะมีโปรเจคแบบนี้ในอนาคตอีกไหม?

นี่เป็นสิ่งที่อยู่ในใจของฉันมาตลอด เพราะตอนที่กำลังทำโปรเจคนี้ฉันถูกร้องขอให้เก็บสะสมผลงานที่เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม ถ้าเป็นเมื่อก่อนฉันก็คงลังเลเพราะมัวแต่คิดถึงเรื่องภาระงานที่จะเพิ่มขึ้นรวมทั้งต้องจัดการประเด็นเรื่องลิขสิทธิ์ แต่ตอนนี้ฉันกระตือรือล้นที่จะตอบตกลงทันทีแม้ว่าตารางงานฉันจะยุ่งมากและอาจต้องใช้เวลาถึง 3 วันในการเลือกภาพถ่ายเพื่อเป็นแบบให้เข้ากับคอนเซ็ปต์ที่ได้รับมา

ไอเดียเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมนั้นเคยเป็นเรื่องที่ฉันคิดว่าคลุมเครือและไม่รู้สึกว่ามันเกี่ยวข้องกับชีวิตของฉัน แต่การทำงานในโปรเจคนี้ทำให้ฉันได้สัมผัสถึงประเด็นมากขึ้นและนั่นทำให้ฉันเปิดใจยอมรับว่าโลกนั้นเป็นทั้งบ้านของลูกชายและลูกสาวของฉัน และฉันจะตอบตกลงเข้าร่วมทันทีหากมีโอกาสที่จะบอกกับสาธารณะถึงความสำคัญของการปกป้องโลกใบนี้ ฉันจะทำในส่วนที่ฉันจะทำได้


อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับการทำงานของกรีนพีซเกี่ยวกับงานรณรงค์และแนวทางที่คุณเองก็เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งได้

หรือแอดไลน์ @greenpeacethailand เพื่อรับข่าวสารงานรณรงค์อยู่เสมอ