air pollution bkk

การจราจรบริเวณแยกอโศกตัดกับถนนเพชรบุรี ในวันที่กรุงเทพมหานครมีฝุ่นละอองคล้ายหมอกควันปกคลุมในหลายพื้นที่

ในช่วงสิ้นปีที่ผ่านมา กรุงเทพมหานครต้องเผชิญกับมลพิษฝุ่นขนาดจิ๋ว หรือมลพิษทางอากาศ PM2.5 แม้ว่าในช่วงปีใหม่ที่ผ่านมามลพิษจะเบาบางลงแล้ว แต่หลังจากช่วงหยุดยาวปีใหม่ มลพิษฝุ่นก็กลับมาอาละวาดอีกครั้ง

โลกกำลังเจอ “อากาศสกปรก”

ปีที่แล้วอินเดียก้าวขึ้นมาเป็นอันดับหนึ่งในประเทศที่เผชิญกับมลพิษทางอากาศมากที่สุด แซงหน้ายักษ์ใหญ่อย่างจีน (แม้ว่าปัญหามลพิษทางอากาศที่จีนก็ยังแย่อยู่) โดยรายงานจากองค์การอนามัยโลก (World Health Organisation) กล่าวไว้ว่าเมืองใหญ่เกือบทุกแห่งถูกปกคลุมด้วยมลพิษทางอากาศ

air pollution India

แล้วหลายๆประเทศจัดการกับมลพิษทางอากาศอย่างไร?

สำนักข่าว the Guardian และเว็บไซต์ด้านสิ่งแวดล้อมเคยพูดถึงประเด็นนี้ไว้โดยยกตัวอย่างการจัดการมลพิษทางอากาศในหลายเมือง เช่น

1.กรุงปารีส ฝรั่งเศส

เมืองน้ำหอมแห่งนี้เลือกสนับสนุนให้ประชาชนใช้ระบบขนส่งสาธารณะให้มากขึ้น โดยไม่อนุญาตให้รถยนต์ส่วนตัววิ่งในย่านศูนย์กลางเมืองในช่วงสุดสัปดาห์ ห้ามใช้รถยนต์ในย่านฌ็องเซลิเซ่ 1 ครั้ง ต่อเดือน อีกทั้งยังสนับสนุนการใช้จักรยานโดยจัดทำโครงการยืมจักรยาน หรือเรียกกันว่า ธนาคารจักรยาน

2.กรุงนิวเดลี อินเดีย  

หลังจากสถิติมลพิษทางอากาศของอินเดียพุ่งสูงเท่าๆกับจีน รัฐบาลได้ออกนโยบายห้ามรถยนตร์ที่มีเครื่องยนต์ขนาดใหญ่และรถ SUV ที่มีเครื่องยนตร์แรงม้ามากกว่า 2000 ซีซี รวมทั้งบังคับให้รถแท็กซี่เครื่องยนต์ดีเซลหลายพันคันหยุดวิ่ง นอกจากนี้ยังทดลองนโยบายการให้รถยนต์เลือกหยุดวิ่งในวันคี่หรือวันคู่ และกระตุ้นให้ผู้คนใช้ขนส่งสาธารณะอย่างรถตู้อูเบอร์มากขึ้น

อย่างไรก็ดี รัฐบาลอินเดียยังไม่มีมาตรการการจัดการมลพิษทางอากาศกับภาคอุตสาหกรรม ทั้งการเผาทำลายซากผลผลิตจากเกษตรกรรม โรงงานอุตสาหกรรมและโรงไฟฟ้าถ่านหิน

air pollution India

บรรยากาศยามเช้าในกรุง นิว เดลี ที่ถูกปกคลุมไปด้วยมลพิษ

3.เนเธอร์แลนด์

รัฐบาลของเนเธอแลนด์มีการเสนอนโยบายห้ามการขายรถยนต์ดีเซล และหากร่างนโยบายนี้ผ่านการอนุมัติก็จะมีผลบังคับใช้ภายในปีพ.ศ.2568 โดยการขายรถยนต์ที่ใช้น้ำมันถูกแทนที่ด้วยรถยนต์ไฟฟ้า อย่างไรก็ดี ร่างนโยบายนี้ยังคงอนุโลมให้ประชาชนที่มีรถยนต์ดีเซลอยู่ก่อนแล้วสามารถใช้รถต่อไปได้

4. เมืองไฟรบวร์ค (Freiburg) เยอรมนี

ไฟรบวร์ค มีทางปั่นจักรยานรวมแล้วมีระยะทางกว่า 500 กิโลเมตร มีรถรางและมีระบบขนส่งสาธารณะที่มีประสิทธิภาพและราคาถูก ทั้งนี้ในย่านชานเมืองบางแห่งยังห้ามไม่ให้ประชาชนจอดรถยนต์ใกล้ๆบ้าน ซึ่งทำให้เจ้าของรถต้องเสียเงินเช่าพื้นที่จอดรถกว่า 18,000 ยูโร หรือประมาณ 660,162 บาท

air pollution Germany

นักกิจกรรมกรีนพีซในเยอรมนีรณรงค์เพื่อผลักดันให้รัฐบาลจัดการกับปัญหามลพิษทางอากาศอย่างยั่งยืน โดยกิจกรรมนี้เกิดขึ้นไม่กี่ชั่วโมงก่อนที่ศาลปกครองกลางจะพิจารณาเกี่ยวกับมาตรการห้ามใช้รถยนต์ดีเซลในเมืองต่างๆของประเทศเยอรมนี

5.เมืองโคเปนเฮเกน เดนมาร์ก

โคเปนเฮเกนให้ความสำคัญกับการใช้จักรยานทดแทนรถยนต์ส่วนตัว แนวคิดของการใช้จักรยานนี้คือการคิดถึงมูลค่าของจักรยานเทียบกับรถยนต์ โดยการขี่จักรยาน 1 ไมล์ให้มูลค่ากับชุมชนประมาณ 0.42 ดอลล่า สหรัฐ ในขณะที่การขับรถยนต์ส่วนตัวเป็นระยะทาง 1 ไมล์ให้มูลค่ากับชุมชนประมาณ 0.20 ดอลล่าสหรัฐ นอกจากนี้เมืองส่วนใหญ่ในเดนมาร์กเริ่มทยอยหยุดใช้รถยนต์มาเป็นเวลากว่าสิบปีแล้วเพื่อทำตามนโยบายเมืองที่มุ่งจะเป็นเมือง Carbon Neutral หรือเมืองที่มีกิจกรรมการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิเท่ากับ ศูนย์ภายในปี พ.ศ.2568

6.ออสโล (Oslo) นอร์เวย์  

เมืองออสโลมีแผนที่จะลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลงครึ่งหนึ่งภายในปี พ.ศ.2563 ที่จะถึงนี้โดยวางโซน “ปลอดรถคันใหญ่” และเริ่มทำทางจักรยานใหม่ที่มีระยะทางรวมกว่า 40 ไมล์ นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มค่าธรรมเนียมรถติดกับผู้ใช้รถยนต์ในชั่วโมงเร่งด่วนและลดพื้นที่ลานจอดรถหลายแห่ง

7.เกาหลีใต้

รัฐบาลชุด มุน แจอิน อนุมัติให้ปิดโรงไฟฟ้าถ่านหินในเกาหลีใต้ 8 แห่งชั่วคราวเพื่อลดมลพิษทางอากาศ โดยในปีที่ผ่านมารัฐบาลสั่งปิดโรงไฟฟ้าถ่านหินเหล่านี้เป็นเวลา 4 เดือนในช่วงฤดูใบไม้ผลิ และมีแผนการจะปิดโรงไฟฟ้าถ่านหินโรงเก่าถาวรภายในเดือนพฤษภาคมปี พ.ศ.2563 เพื่อลดมลพิษทางอากาศและทำตามข้อตกลงปารีส เพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลง แม้ว่าในปัจจุบันโรงไฟฟ้าถ่านหินเหล่านี้ผลิตไฟฟ้าให้กับประเทศถึงร้อยละ 40 ก็ตาม

coal power plant korea

โรงไฟฟ้าถ่านหินในเมือง ทังจิน ประเทศเกาหลีใต้

จากตัวอย่างทั้ง 7 ประเทศทั่วโลกแสดงให้เห็นแล้วว่าประเทศอื่นๆกำลังรับมือและจัดการกับปัญหามลพิษทางอากาศในระยะยาว การส่งเสริมการใช้ขนส่งสาธารณะเพื่อลดจำนวนรถยนต์ส่วนตัว การสนับสนุนการใช้จักรยาน หรือการวางแผนลดรถยนต์ส่วนตัวด้วยการห้ามขายรถยนต์ดีเซล ไปจนกระทั่งการปิดโรงไฟฟ้าถ่านหินเพื่อลดมลพิษทางอากาศ แล้วคุณอยากเห็นประเทศไทยมีการจัดการกับปัญหานี้ในระยะยาวอย่างไร? การจัดการที่ทำได้มากกว่าแค่การฉีดพ่นน้ำตามถนนหรือนโยบายการจัดการมลพิษทางอากาศอย่างยั่งยืน

Air Pollution in Bangkok. © Chanklang  Kanthong / Greenpeace
ขออากาศดีคืนมา

กรีนพีซเสนอให้กรมควบคุมมลพิษยกร่างมาตรฐาน PM2.5 ในบรรยากาศสำหรับประเทศไทยขึ้นใหม่

มีส่วนร่วม