วิธีหนึ่งที่เราสามารถช่วยลดภาวะโลกร้อนฉบับเร่งด่วน แบบทำได้ตอนนี้เลย ก็คือการลดการบริโภคเนื้อและผลิตภัณฑ์จากนม การเลือกรับประทานอาหารวีแกน (“Vegan” หรือการบริโภคและใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่เบียดเบียนสัตว์) จริงๆ แล้วไม่ได้ยากอย่างที่คิด เพียงแค่รู้จักเลือก หากเรารู้หลักการแล้ว จะทานสักหนึ่งมื้อหรือหนึ่งเดือนไปเลยก็ไม่ใช่เรื่องยากเกินเอื้อม และนี่คือ 10 เคล็ด (ไม่) ลับที่จะช่วยเพิ่มอาหาร Plant-Based (อาหารจากพืช) ในแต่มื้อของคุณ

เนื้อสัตว์จากอุตสาหกรรมคือผู้ร้ายตัวฉกาจที่ทำให้เกิดภาวะโลกร้อน เพราะแลกมากับการที่ตัดและเผาพื้นที่ป่า เพื่อนำมาเลี้ยงปศุสัตว์และเพาะปลูกพืชไว้เลี้ยงปศุสัตว์นับพันล้านตัวในฟาร์ม นี่รวมถึงตัวอยู่บนจานของเราด้วย

CRESUD Fields in Salta Province, Argentina. © Greenpeace
ภาพมุมสูงแสดงให้เห็นถึงพื้นที่ป่าที่ถูกทำให้กลายเป็นพื้นที่ไว้สำหรับทำปศุสัตว์เชิงอุตสาหกรรม © Greenpeace

และถ้าหากกำลังตัดสินใจว่าจะเริ่มทานอาหารวีแกนหรือมังสวิรัติเพื่อร่วมต่อกรกับภาวะโลกร้อนแล้วละก็ บอกเลยว่าเริ่มช่วงนี้เหมาะเจาะที่สุดแล้วกับการเริ่มต้นเดินสายอาหาร Plant-based!

เพราะตอนนี้ทั้งร้านรวงและคาเฟ่ต่าง ๆ นานา ต่างพากันทำเมนูวีแกนออกมาให้เราได้เลือกชิม หรือจะท่องโลกออนไลน์ก็มีสูตรวีแกนเด็ดๆ นับล้านให้ได้ลองโชว์ฝีมือการทำกับข้าวกัน อีกทั้งยังมีสินค้าวีแกนใหม่ๆ มากมายออกใหม่ให้ได้ลองใช้อยู่ตลอด หรือแม้กระทั่งสารคดีเกี่ยวกับข้อดีของของการลดเนื้อสัตว์ลงก็มีให้ได้ศึกษาเยอะแยะมากมาย

ตอนนี้ผู้คนมากมายต่างหันมาให้ความสนใจกับอาหาร Plant-Based ไม่ว่าจะเพื่อสุขภาพ เพื่อสิ่งแวดล้อม เพื่อเศรษฐกิจ หรือแม้กระทั่งเพื่อแสดงความโอบอ้อมอารีให้กับเพื่อนร่วมโลก(ด้านจริยธรรม) และนี่คือ 10 เคล็ดลับที่จะช่วยให้เส้นทางการทานอาหาร Plant-Based ของคุณง่ายยิ่งขึ้นไปอีกระดับ

1. เลือกของดั้งเดิมดีที่สุด! จริงๆ แล้วอาหารหลายอย่างก็เป็น Plant-Based อยู่แล้ว!

วัตถุดิบที่อุดมไปด้วยสารอาหาร และราคาถูกอีกด้วยก็คือวัตถุดิบบ้าน ๆ ที่เราเห็นกันอยู่ทุกวัน หรือเผลอ ๆ ตอนนี้คุณเองก็มีติดครัวเอาไว้แล้ว

ของที่ว่าเหล่านี้ได้แก่ ถั่วหลากหลายชนิดซึ่งอัดแน่นไปด้วยโปรตีน ผักผลไม้สารพัดนึกก็มีขายแบบบรรจุกระป๋องหรือแช่แข็งเอาไว้ หาซื้อได้ไม่ยาก อาหารประเภทแป้งอย่างข้าว เส้นหมี่ เส้นพาสต้า และขนมปัง และยังมีอาหารจำพวกถั่วต่างๆ เนยถั่ว และเพื่อนแท้ชาววีแกนอย่างเต้าหู้

และอย่าลืม เติมแต่งรสชาติให้หลากหลายด้วยเครื่องเทศ สมุนไพร น้ำมัน ซุปก้อนและเครื่องปรุงต่างๆ และตอนนี้เองก็มีซอสเพสโต้สูตรวีแกนให้ได้เลือกซื้อกันแล้วด้วย

2. รู้จักสารอาหารที่ร่างกายต้องการ และตัวเลือกอาหารวีแกนที่ช่วยทดแทนได้

คุณอาจจะกังวลว่าจะได้รับโปรตีนไม่เพียงพอในแต่ละวัน หรืออาจจะยังไม่สามารถก้าวข้ามรสอูมามิและเนื้อสัมผัสของเนื้อสัตว์ที่คุณคุ้นเคยได้ แต่ไม่ต้องห่วง ทุกปัญหามีทางออก

รู้หรือไม่? เนื้อสาลี (Seitan) ก็มีโปรตีนสูงมากพอๆ กับเนื้อสัตว์ของจริงเลยทีเดียว และยังทำเองง่าย ๆ ได้ที่บ้านด้วยการใช้เจลาตินจากแป้งสาลี ใส่สารสกัดจากยีสต์ ผงยีสต์อีกนิด และน้ำนมมะพร้าวอีกหน่อยเพื่อเพิ่มวิตามิน B12 (หลายคนเข้าใจว่าหาได้เพียงแค่ในเนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์จากนมวัวเท่านั้น แท้จริงแล้วหาได้ในอาหารหลายชนิดอยู่เหมือนกัน)

สำหรับเนยก็ไม่จำเป็นจะต้องเปลี่ยนไปใช้มาการีนก็ได้ เพราะตอนนี้เนยวีแกนก็มีขายเหมือนกัน ใช้ทาบนขนมปังหรืออบเบเกอรี่ได้ไม่ต่างจากเนยทั่วไปเลย

ในส่วนของเนื้อสัมผัส ชีสวีแกนละลายได้เป็นอย่างดี ยังมีโทฟูรวนที่รสชาติเหมือนไข่และขนุนก็สามารถใช้แทนหมูฉีกได้ด้วย

3. เลือกนม Plant-Based แก้วโปรด

คอชากาแฟที่ชอบเครื่องเดิมเติมนม อย่างลาเต้ คาปูชิโนหรือชานม ก็ไม่จำเป็นจะต้องบอกลาเครื่องดื่มแก้วโปรดไป เพราะมีนม Plant-Based หลากหลายชนิด ขอเพียงแค่เลือกนมรสชาติถูกปากเท่านั้น หลายคนแนะนำนมข้าวโอ๊ต เพราะเมื่อเทียบกับนมถั่วเหลืองแล้วไม่ทำให้รสกาแฟเพี้ยนไป และใช้น้ำในการทำนมน้อยกว่านมอัลมอนด์

ใครฝีมือระดับเทพก็สามารถทำนมเก็บเอาไว้ดื่มเองที่บ้านได้เลย ช่วยทั้งประหยัดเงินและลดขยะจากการห่อสินค้า ส่วนครีมชีสก็สามารถทำเองได้จากถั่วมะม่วงหิมพานต์ ไม่จำเป็นจะต้องใช้สัตว์จากฟาร์มเลยแม้แต่น้อย

4. ชวนที่บ้านมาร่วมวง

จะมัวแต่ทำเมนูเนื้อสัตว์บ้านๆ เสิร์ฟครอบครัวไปทำไม ในเมื่อมีอาหาร Plant-Based อร่อยระดับร้านอาหาร 5 ดาว? ลองใช้เป็นเนื้อสัตว์และชีสทางเลือกเพื่อแทนที่ของเดิม (บางคนใช้โปรตีนเกษตร) และใช้สูตรวีแกนของอาหารคลาสสิคต่าง ๆ

และถ้าหากไม่มีงบมากพอที่จะซื้ออาหารแปรรูปหลายอย่าง ลองหาสูตรอาหารที่ทำจากผักผลไม้พื้นบ้านใกล้ตัว หรือจะปลูกผักกินเองก็ได้ทั้งง่าย ทั้งประหยัด และดีต่อสุขภาพของทั้งครอบครัว

5. วางแผนเมนูในแต่ละมื้อ เลือกเมนูพื้น ๆ และทำเมนูโปรดตุนเอาไว้

ทำงานกลับมาถึงบ้านเหนื่อยๆ ทั้งหิว ทั้งล้า ก็คงไม่มีใครอยากจะต้องเสียเวลาเกือบ 45 นาทีในการเข้าครัวคิดเมนูทำกับข้าวอีกถูกไหม?

การวางแผนเมนู Plant-Based ง่ายๆ ล่วงหน้า ช่วยให้เส้นทางการทานอาหาร Plant-Based สะดวกสบายและจะสำเร็จในระยะยาว หรือจะทำกับข้าวแล้วแช่แข็งเตรียมเอาไว้เลยก็ได้เหมือนกันถ้าสะดวก

6. เตรียมขนมเอาไว้เผื่ออยากกินจุกจิก

สั่งซื้อเป็นขนมจำพวก ถั่ว ผลไม้แห้ง และขนมธัญพืชอัดแท่งโปรตีนสูงจากร้านค้าออนไลน์ตุนเอาไว้เสมอ

เตรียมขนมเอาไว้ล่วงหน้าช่วยได้เยอะสำหรับไลฟ์สไตล์นี้ โดยเฉพาะช่วงไปเที่ยว หรือไปในพื้นที่ที่ไม่ค่อยมีตัวเลือกอาหารวีแกนดีๆ ให้ได้เลือกมากสักเท่าไหร่ อีกอย่าง เพื่อนคนที่มีขนมพกติดตัวตลอดมักจะเนื้อหอมที่สุดในวงแล้ว

7. รวมกลุ่มกับเพื่อนวีแกนคนอื่น ๆ

ถ้าเกิดใครก็ตามได้รู้จักกับเพื่อนวีแกนคนอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นวีแกนหน้าใหม่หรือรุ่นเก๋าเกม จะรู้ว่าเพื่อนๆ ชาววีแกนชอบแบ่งปันคำแนะนำดีๆ ด้านอาหารให้กับคนรอบตัว จะลองขอคำแนะนำจากเพื่อนหรือครอบครัว โพสต์บนเฟสบุ๊คหรือไอจีก็ได้ หรือจะลองนัดคุยกับเพื่อนๆ วีแกนคนอื่นเพื่อขอคำแนะนำก็ได้เหมือนกัน

World Meat-Free Week Event in Bangkok. © Baramee  Temboonkiat / Greenpeace
แม่และลูกกำลังง่วนกับการทำ “เวจจี้ เทมากิ”หรือ เมนูข้าวห่อสาหร่ายไส้ผักหลากสี ในงาน ผ.ผักกินดี ลด น.เนื้อ เพื่อ ล.โลก ที่กรีนพีซ ประเทศไทยร่วมกับ KRAU.CO จัดขึ้นต้อนรับสัปดาห์งดกินเนื้อสัตว์โลก © Baramee Temboonkiat / Greenpeace

กรีนพีซได้ตั้งกลุ่มเฟสบุ๊คเพื่อแลกเปลี่ยนเมนูอาหารมังสวิรัติ รวมถึงเคล็ดลับการปลูกผัก สามารถเข้าร่วมได้ที่นี่

8. ค่อย ๆ เป็น ค่อย ๆ ไป ไม่จำเป็นจะต้องสมบูรณ์แบบก็ได้

ต้องเป้าหมายที่ทำได้จริง และอย่ากดดันตัวเองเกินไปถ้าหากไม่สามารถทำตามเป้าหมายที่ตั้งเอาไว้ได้ เพราะจริงๆ แค่เริ่มทานอาหาร Plant-Based จะหนึ่งวันหรือหนึ่งอาทิตย์ก็ช่วยโลกของเรา (และร่างกายเราเอง) ให้ดีขึ้นแล้ว เทียบจากที่เคยทานแต่เนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์นม ทุกมื้ออาหารที่ปราศจากเนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์นมนับว่าเป็นความสำเร็จทั้งหมด!

ถ้าหากเพิ่งเริ่มเดินสายวีแกน ทำไมไม่ลองเพิ่ม “Cheat Meal” (ชีทมีล หรือ หนึ่งมื้อที่เราจะทานอะไรก็ได้ตามใจปาก) ดูล่ะ? แต่เลือกเป็นเนื้อสัตว์จากฟาร์มท้องถิ่นเพื่อช่วยสนับสนุนชุมชนเกษตรกรพื้นบ้าน

9. โฟกัสที่ประโยชน์ที่เราจะได้รับ

จานอาหารหลากสีสันจากผัก ถั่วและธัญพืช จัดเรียงอย่างดีพร้อมเสิร์ฟ ทั้งอร่อยและอัดแน่นไปด้วยคุณประโยชน์ และถึงอาหารจังก์ฟู้ดวีแกนจะไม่ได้อุดมไปด้วยสารอาหารมากนัก ก็ทานได้อร่อยไม่แพ้จังก์ฟู้ดทั่วไป การันตีว่าเบอร์เกอร์เนื้อสาลีจะทำให้คุณรู้สึกสบายใจกว่าเบอร์เกอร์เนื้อไก่แน่นอน

แล้วอย่าลืมลองจดบันทึกรายรับ-รายจ่ายล่ะ จะเห็นได้เลยว่ามีเงินเหลือเก็บเพิ่มมากขนาดไหน แถมยังรู้สึกโล่งกาย โล่งใจอีกด้วย

10. ดึงดูดคนอื่นเข้ามาจอย ไม่ใช่ยัดเยียด

เมื่อเริ่มเดินสายวีแกน อย่าลืมว่าต้องเข้าใจหัวอกคนอื่นที่ไม่ได้เดินสายเดียวกับเราด้วย (ถึงนี้จะดูเหมือนเรื่องที่ใครๆ ก็ควรรู้อยู่แล้ว) จะมัวพร่ำบ่น เที่ยวสอนคนไปทั่วไม่เคยช่วยให้คนอื่นเปลี่ยนใจหันมากินแบบเดียวกับเรา ในทางกลับกัน ลองทำอาหาร Plant-Based อร่อยๆ ให้เขาทานดู และให้พวกเขาเริ่มสงสัยกันเอง ว่าที่เขาได้ลิ้มรสไปคือเมนูอะไรกันแน่

และสุดท้ายอย่าลืม เรื่องอาหารเป็นทางเลือกส่วนบุคคล และทุกคนมีความคิดเห็นเป็นของตัวเอง คุณไม่จำเป็นจะต้องคอยเรื่องเส้นทางการเลือกอาหารของคุณกับทุกคน แต่ถ้าหากมีคนถามคุณ คุณก็สามารถใช้โอกาสนี้อธิบายได้ว่าทำไมคุณถึงเลือกเส้นทางนี้ และอะไรคือประโยชน์ของมัน

ถึงเวลาปฏิวัติระบบอาหาร

ร่วมเรียกร้องให้ภาครัฐออกกฎหมายติดฉลากผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์ทุกประเภทโดยเปิดเผยถึงข้อมูลการเลี้ยงสัตว์ ที่มาอาหารสัตว์ว่าเชื่อมโยงกับการทำลายป่าและก่อหมอกควันพิษหรือไม่ รวมถึงการใช้ยาปฏิชีวนะ และการตกค้างในเนื้อสัตว์

มีส่วนร่วม