“ปลูกผักกินเอง” ประโยคที่ใครได้ยินก็จะรู้สึกว่ายุ่งยากและหลายขั้นตอน แต่คุณปรินซ์ เจ้าชายผัก ได้ทำให้รู้ว่าการปลูกผักเป็นเรื่องง่าย ๆ และสนุกสามารถทำได้จริง ไม่ว่าเราจะอยู่บ้านแบบมีเนื้อที่กว้าง หรืออยู่คอนโดที่มีระเบียงไว้แค่พอตากผ้า ก็ไม่เป็นอุปสรรคในการปลูกผักของเราอย่างแน่นอน 

เราได้มีโอกาสได้เข้าร่วมกิจกรรมออนไลน์ที่ชื่อว่า We Grow : ปรุงดิน ปลูกผัก ที่ทางกรีนพีซจัดขึ้น โดยมีคุณปรินซ์ เจ้าชายผัก เป็นวิทยากรคนสำคัญที่ให้ความรู้ในเรื่องการปลูกผัก และทำให้เราเปลี่ยนความคิดในการปลูกผักกินเองเป็นเรื่องง่ายกว่าที่เคยคิด

การเตรียมดินที่สิ่งที่สำคัญที่สุดในการปลูกผัก

หลายคนรวมถึงตัวเราเองด้วยคิดว่าดินอะไรก็เหมือนกันทั้งหมด เราสามารถนำมาใช้ปลูกได้ทั้งนั้นขอแค่เป็นดินร่วนที่เหมาะแก่การเพาะปลูก เหมือนกับที่เคยเรียนตอนเด็กมาก็พอแล้ว แต่ในความจริงแล้วผักที่เราปลูกจะเจริญเติบโตออกมาได้ดีหรือไม่ สำคัญที่สุดคือการเตรียมดินเพื่อปลูกนี่แหละ

เตรียมดินที่ดีเพื่อให้ผักโตอยากงอกงาม

“ถ้าเราเตรียมดินที่ดีพอ จะทำให้ผักเติบโตได้ด้วยตัวเอง” เป็นประโยคที่คุณปรินซ์ย้ำตลอดการเวิร์คช็อปนี้ ดินที่ดีในนิยามของคุณปรินซ์คือ ดินจะมีความโปร่ง ร่วนซุย ไม่เหนียวติดมือ ชุ่มชื้น และต้องทำเองเท่านั้น การปลูกผักก็เหมือนการทำอาหารเราต้องเตรียมส่วนผสมที่เหมาะแก่การปรุง วันนี้ที่เราจะใช้ก็จะมี ดินที่เรามี กับเศษพืชสด หรือวัชพืชเพื่อใช้ในการปรับปรุงดิน

ขั้นตอนการปรุงดิน ปลูกผัก 

  1. นำดินและวัชพืชที่เรามีใส่ลงในกระบะที่เตรียมไว้
  2. เราจะใช้มือหรือกรรไกร ตัดวัชพืชออกให้เป็นเล็ก ๆ  เคล็ดลับจากตรงนี้คือ รากวัชพืชจะช่วยขุดดินที่จับเป็นก้อนให้โปร่ง ร่วนซุย เปลี่ยนแนวคิดจากเดิมที่ว่าวัชพืชไม่มีประโยชน์ไป
  3. จากนั้นเราจะเริ่มพรวนดิน โดยการพรวนดินเราจะไม่ใช้จอบถ้าเอาดินจากข้างล่างมาข้างบน หรือพลิกดินขึ้นมา ดินจะเป็นก้อนแข็งและไม่แตกตัว เราต้องทำให้ดินแตกตัวออก อาจใช้หรือใช้เหล็กแทงหญ้า หรือหางปลาแทงไปที่ดินเรื่อยๆ เดี๋ยวดินจะโปร่งออก หรือในกระถางเล็กๆ อาจจะใช้ช้อนพรวน แทงลงไปแล้วดึงขึ้นมา 

พอมาถึงขั้นตอนนี้หลายคนอาจมีคำถามขึ้นมาว่าเตรียมดินไว้นานแค่ไหนถึงจะใช้ได้ เราจะเริ่มใช้ดินที่เราเตรียมไว้ได้ก็คือจนกว่าเศษพืชในดินจะย่อยสลายไป สิ่งสำคัญอีกหนึ่งอย่างสำหรับการเตรียมดินคือ กระถางที่เราบ่มดินเอาไว้โดนแดดได้ แต่ต้องไม่ให้ดินปล่อยให้แห้ง

ลงมือปลูกผัก จะเมล็ด จะปักชำ ก็ทำได้

นำดินที่ปรุงแล้วหนึ่งส่วน และขุยมะพร้าวละเอียดหนึ่งส่วน ร่อนให้ละเอียดผสมกันลงในกระบะที่เตรียมไว้ จากนั้นก็นำดินไปใส่กระถางที่เราจะปลูกได้เลย หรือถ้าเราไม่สามารถเตรียมดินตามขั้นตอนที่บอกมาทั้งหมดได้นั้น มีวิธีแก้ไขง่าย ๆ คือ นำ ดินผสมใบก้ามปู (ดินที่ขายตามร้านต้นไม้ทั่วไป)หนึ่งส่วนมาร่อนผสมกับขุยมะพร้าวละเอียดหนึ่งส่วน เนื่องจากดินถุงทั่วไปจะไม่ผ่านการหมักบ่ม และผสมกับฮีโร่ของเรา มูลไส้เดือน  หนึ่งส่วน ร่อนให้ละเอียด ผสมให้เข้ากัน เพียงเท่านี้เราก็มีดินที่ดีสำหรับการปลูกผักแล้ว

หนึ่งส่วนของเราจะเท่ากับคุณปรินซ์หรือไม่ คำตอบง่ายๆ ก็คือ อัตราส่วน 1 ส่วนใช้เป็นภาชนะเดียวตลอดการใช้ หรือหนึ่งกำมือตัวเอง

เคล็ด(ไม่)ลับ ที่เราหลายคนไม่รู้

  • ผักที่ทานผลจะต้องได้แสงแดดเต็มวัน ผักที่ทานใบได้แสงแดดครึ่งวันก็ยังดี
  • แสงแดดที่ดีคือแสงแดดที่ตากผ้าแล้วแห้ง
  • เรื่องน้ำ ใช้น้ำประปา หรือน้ำฝนที่รองเก็บเอาไว้ใช้ได้ ถ้ากังวลเรื่องสารเคมี พักน้ำไว้ประมาณ 1-2 คืนก็ได้ค่ะ
  • วัชพืชคือปุ๋ยที่ดีที่สุด ปุ๋ยหมัก ปุ๋ยคอกก็ดี แต่เราทำได้ยาก ความต่างคือ ปุ๋ยหมักต้องรอ 2-3 เดือน แต่การใช้วัชพืชในการทำแปลงเล็กๆ สามารถทำได้เลยไม่ต้องรอ
  • แต่ถ้าไม่มีวัชพืช นำใบไม้ต่างๆ มาตัดเป็นชิ้นเล็กๆ ให้เล็กที่สุด แล้วนำไปโรยบนผิวดินได้ ไม่ต้องใช้ฟาง
  • เวลาปลูกผักแล้วมีแมลงมากิน นั่นหมายถึงผักสุขภาพไม่ดีซึ่งเกิดจากการปรุงดินที่ไม่สมบูรณ์
  • ไม่พรวนดินตอนดินเปียก เพราะจะทำให้ดินเกาะเป็นก้อน

อย่าลืมนะคะว่า ดินที่ดีจะทำให้ปลูกผักได้ง่ายขึ้น ไม่ต้องดูแลเยอะ ไม่ต้องใช้สารเคมี การปลูกผักกินเอง ทำให้เรารู้ขั้นตอน รวมถึงการดูแลผักต่าง ๆ อย่างใกล้ชิด เท่ากับว่าเราจะได้ความมั่นคงทางอาหารภายในบ้านของเรา มีพืชผักปลอดสารพิษไว้กิน และจากฝีมือของเราเองด้วยค่ะ

สำหรับใครที่อ่านมาถึงตรงนี้แต่ยังอยากเรียนรู้เพิ่มเติมสามารถชมวีดีโอวิธีการปรุงดินและปลูกผักได้ที่นี่ค่ะ

ท้ายสุดนี้ใครที่ได้ลองปลูกผักแล้ว อย่าลืมมาแชร์สวนผักสวย ๆ ของตัวเองได้ที่กลุ่ม เมนูอาหารจานผักเพื่อเราและเพื่อโลก เรารอดูแปลงผักสวย ๆ และเมนูอาหารจานผักที่ทำจากผักที่คุณปลูกเองอยู่นะคะ

ปฏิวัติระบบอาหาร

สิ่งที่เรากินเข้าไปนั้นจะบำรุงหล่อเลี้ยงร่างกายและช่วยให้เรามีชีวิตที่ดี แต่การเลือกกินที่ไม่ดีอาจทำให้เราป่วยหนักได้ ซึ่งชนิดและปริมาณของอาหารที่เรากินและวิธีการเพาะปลูกอาหารแต่ละชนิดนั้นยังเป็นกุญแจสำคัญสำหรับการอยู่รอดของโลกเราด้วย การบริโภคแต่เนื้อสัตว์หรือบริโภคในปริมาณมากเกินความพอดีอาจก่อโรคร้ายให้กับเราโดยไม่รู้ตัว

มีส่วนร่วม