จาก ฐานข้อมูลการติดตามโรงไฟฟ้าถ่านหินทั่วโลก (Global Coal Plant Tracker) สามปีมาแล้วที่ตัวชี้วัดการเติบโตของกำลังผลิตไฟฟ้าจากถ่านหินเกือบทั้งหมดลดลงในปี  2561 ทั้งการเริ่มการก่อสร้าง ระยะวางแผนการก่อสร้าง และเสร็จสิ้นการก่อสร้างแล้ว ตัวเลขการอนุญาตโรงไฟฟ้าถ่านหินใหม่ในสาธารณรัฐประชาชนจีนและอินเดีย ซึ่งมีสัดส่วนกำลังผลิตไฟฟ้าจากโครงการถ่านหินแห่งใหม่ของโลกถึง 85 % มาตั้งแต่ปี 2548 ลดต่ำลงเป็นประวัติการณ์ การปลดระวางโรงไฟฟ้าถ่านหินยังอยู่ในระดับทำลายสถิติ นำโดยสหรัฐอเมริกา แม้ว่ารัฐบาลประธานาธิบดีทรัมป์จะพยายามคงให้โรงไฟฟ้าถ่านหินหมดอายุไว้ในระบบต่อไปก็ตาม

การลดลงของตัวชี้วัดการเติบโตของโรงไฟฟ้าถ่านหินเกือบทั้งหมดสะท้อนถึงภาวะบีบคั้นด้านเศรษฐกิจและการเมืองที่เพิ่มขึ้นต่ออุตสาหกรรมถ่านหิน ประกอบด้วยกฎระเบียบทางการเงินของสถาบันต่างๆ มากกว่า 100 แห่ง และแผนการยกเลิกโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินใน 31 ประเทศ

ท่ามกลางการลดลงของการพัฒนาโรงไฟฟ้าถ่านหินทั่วโลก พบว่า สาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งยังแก้ไขปัญหาการอนุมัติโครงการโรงไฟฟ้ถ่านหินล้นเกินในช่วงปี 2557- 2559 กันอยู่ ในปี 2561 ภาพถ่ายดาวเทียมแสดงให้เห็นการก่อสร้างโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินที่ก่อนหน้านี้รัฐบาลกลางสั่งชะลอโครงการ รายงานเดือนมีนาคม ปี 2562 ของคณะกรรมการการผลิตไฟฟ้าของสาธารณะรัฐประชาชนจีนกำหนดเพดานการผลิตไฟฟ้าจากถ่านหิน 1,300 กิกะวัตต์ภายในปี 2573 ส่งสัญญาณการเปลี่ยนแปลงนโยบายของทางการ จากที่เคยจำกัดกำลังผลิตไฟฟ้าจากถ่านหินไว้ที่ 1,100 กิกะวัตต์ การเปลี่ยนแปลงนี้จะอนุญาตให้เกิดโรงไฟฟ้าถ่านหินใหม่ๆ เพิ่มขึ้นนับร้อยโรง รวมทั้งโรงไฟฟ้าถ่านหินที่รัฐบาลกลางสั่งพักการก่อสร้าง ส่วนสถาบันการเงินของสาธารณรัฐประชาชนจีนก็พุ่งพรวดขึ้นมาเป็นแหล่งทุนใหญ่ที่สุดของโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินใหม่ภายนอกประเทศ

แม้ว่าการเพิ่มกำลังผลิตไฟฟ้าจากถ่านหินจะลดลงอย่างคงที่ แต่เป้าหมายการลดโลกร้อนของโลกจะไม่บรรลุผล หากไม่หยุดโรงไฟฟ้าถ่านหินใหม่อย่างเต็มที่และปลดระวางโรงไฟฟ้าถ่านหินที่ยังดำเนินการอยู่อย่างรวดเร็ว

พัฒนาการที่สำคัญในปี 2561:

  • การเริ่มดำเนินการก่อสร้างโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินแห่งใหม่ในปี พ.ศ.  2560 ลดลงร้อยละ 39 และลดลงร้อยละ 84 ตั้งแต่ปี พ.ศ.2558
  • การอนุมัติกำลังผลิตไฟฟ้าจากถ่านหินลดลงร้อยละ 20  จากปี พ.ศ. 2560 และลดลงร้อยละ 53 จากปี พ.ศ. 2558
  • กิจกรรมการวางแผนก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินลดลงร้อยละ 24จากปี พ.ศ.2560  และลดลงร้อยละ 69 จากปี พ.ศ.2558
  • การปลดระวางโรงไฟฟ้าถ่านหินยังคงทุบสถิติ ทำให้ปี พ.ศ.2561 เป็นปีสูงสุดอันดับสามของการปลดระวางโรงไฟฟ้าถ่านหินระดับโลก และถือเป็นปีสูงสุดอันดับสองสำหรับสหรัฐอเมริกา
  • กำลังผลิตไฟฟ้าจากถ่านหินช่วงดำเนินการก่อสร้างเพิ่มขึ้นร้อยละ 12 ตั้งแต่ปี 2560 เนื่องจากสาธารณรัฐประชาชนจีนกลับมาเดินหน้าโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินที่ถูกขึ้นหิ้งก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ตามกำลังผลิตไฟฟ้าช่วงดำเนินการก่อสร้างได้ลดลงร้อยละ 30 นับตั้งแต่ปี 2558
  • การอนุญาตก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินทั้งในสาธารณรัฐประชาชนสาธารณรัฐประชาชนจีนและอินเดียลดลงเป็นประวัติการณ์ ในปี พ.ศ.2561 สาธารณรัฐประชาชนสาธารณรัฐประชาชนจีนอนุญาตก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินน้อยกว่า 5 กิกะวัตต์  เปรียบเทียบกับ 184 กิกะวัตต์ ในปี พ.ศ. 2558 ในปี พ.ศ.2561 ประเทศอินเดียอนุมัติโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินน้อยกว่า 3 กิกะวัตต์ เปรียบเทียบกับ 39 กิกะวัตต์ในปี พ.ศ.2553
  • แม้ว่าการอนุมัติโรงไฟฟ้าใหม่ในสาธารณรัฐประชาชนจีนจะลดลง คณะกรรมการการผลิตไฟฟ้าของสาธารณะรัฐประชาชนจีนได้เสนอให้กำหนดเพดานพลังงานไฟฟ้าจากถ่านหินเป็น 1,300 กิกะวัตต์ ภายในปี พ.ศ.2573 ซึ่งจะอนุญาตให้ประเทศเพิ่มกำลังผลิตไฟฟ้าจากถ่านหินจากระดับปัจจุบันอีก 290 กิกะวัตต์ ซึ่งมากกว่าโรงไฟฟ้าถ่านหินทั้งหมดในปัจจุบันของสหรัฐอเมริกา (259 กิกะวัตต์)
  • จากประมาณการณ์การใช้ถ่านหินของคณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ  การปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากโรงไฟฟ้าถ่านหินที่ดำเนินการอยู่ ณ อัตราการผลิตเฉลี่ยในปัจจุบันและตลอดอายุการใช้งานสูงเกินกว่าจะคงอุณหภูมิโลกไม่ให้สูงขึ้นเกิน 1.5 °C หรือ 2 °C ได้

อ่านหรือดาวน์โหลดรายงาน ที่นี่

Primary Forest in Papua. © Ulet  Ifansasti / Greenpeace
ร่วมปกป้องป่าฝนเขตร้อน

ป่าฝนเขตร้อนที่เป็นบ้านของอุรังอุตังกำลังถูกทำลายจากการขยายพื้นที่ปลูกปาล์มน้ำมัน หากเราไม่ทำอะไรเลย ถิ่นที่อยู่อาศัยของเหล่าสัตว์ป่าจะถูกทำลาย

มีส่วนร่วม