รายงานวิเคราะห์ชิ้นล่าสุด “ข้าวโพด การเปลี่ยนแปลงการใช้ที่ดิน และมลพิษทางอากาศข้ามพรมแดน” เผยถึงบทบาทของอุตสาหกรรมเนื้อสัตว์และข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ที่เชื่อมโยงกับการก่อหมอกควันพิษข้ามพรมแดนโดยการวิเคราะห์ข้อมูลจากดาวเทียมระหว่างปี 2558-2562 พบว่า มีพื้นที่เผาไหม้และจุดความร้อนในพื้นที่ปลูกข้าวโพดในอนุภาคภูมิภาคลุ่มน้ำโขงอยู่โดยเฉลี่ย 1 ใน 3 ของพื้นที่เผาไหม้และจุดความร้อนที่เกิดขึ้นทั้งหมด

ระบบเกษตรและอาหารเชิงอุตสาหกรรมกำลังคุกคามสุขภาวะของคนไทย และการทำปศุสัตว์เชิงอุตสาหกรรมเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักของวิกฤตสภาพภูมิอากาศ การเปลี่ยนแปลงผืนป่า และหมอกควันจากมลพิษทางอากาศข้ามพรมแดน โดยรายงานการวิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงพื้นที่ปลูกข้าวโพด จุดความร้อน และร่องรอยพื้นที่เผาไหม้จากภาพถ่ายดาวเทียมระหว่างปี พ.ศ.2558-2562 ในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง (ภาคเหนือตอนบนของไทย ตอนบนของ สปป.ลาว และรัฐฉานของเมียนมา) ได้นำข้อมูลจากภาพถ่ายดาวเทียมจากเครื่องมือ Moderate Resolution Imaging Spectroradiometer (MODIS) ที่ติดตั้งบนดาวเทียม Terra and Aqua ของนาซา และดาวเทียมระบบ VIIRS ติดตามจุดความร้อน ร่องรอยพื้นที่เผาไหม้ และพื้นที่ปลูกข้าวโพดในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ได้แก่ พื้นที่ภาคเหนือตอนบน 8 จังหวัดของไทย ตอนบนของ สปป.ลาว และรัฐฉานของเมียนมา

บริบทการขยายตัวของตลาดข้าวโพดอาหารสัตว์ ประกอบกับการสะสมของจุดความร้อนและการเผาที่เชื่อมโยงกับช่วงเก็บเกี่ยวผลผลิต เตรียมพื้นที่เพื่อการเพาะปลูกในฤดูถัดไปนั้นทำให้ช่วงปลายมีนาคมถึงกลางเมษายนของทุกปี พื้นที่อนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงทั้งสามประเทศต้องจมอยู่ภายใต้หมอกควันพิษที่เป็นวิกฤตร้ายแรงต่อสุขภาพ มาตรการการรับซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ของไทยที่เคร่งครัดขึ้นอาจเป็นหนึ่งในสาเหตุที่บรรษัทของไทยหันไปลงทุนนอกเขตพรมแดนประเทศไทยมากขึ้น เพื่อชดเชยหรือเพิ่มผลผลิตที่อาจขาดหายไปจากที่เคยผลิตได้ในไทย โดยราวปี พ.ศ. 2559 มีการเปลี่ยนแปลงมาตรการการรับซื้อข้าวโพดจากเกษตรกร และการประกันราคา ด้วยหลักฐานกรรมสิทธิ์ในที่ดินที่ถูกต้อง ซึ่งทำให้เกษตรกรประสบปัญหาในการขายผลิต เกิดปัญหาผลผลิตตกค้าง โดยมาตรการที่เกิดขึ้นนี้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงกับจุดความร้อนในประเทศไทยที่ลดลงในปี พ.ศ. 2559 และลดลงเรื่อย ๆ จนกระทั่งพุ่งสูงกลับมาอีกครั้งในปี พ.ศ. 2562 (ประมาณ 14,000 จุดในเดือนเมษายน) ในขณะที่จุดความร้อนเพิ่มสูงขึ้นในประเทศเพื่อนบ้าน การขยับขยายพื้นที่การผลิตไปยังประเทศเพื่อนบ้านจึงอาจเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ของอุตสาหกรรมเนื้อสัตว์เพื่อตอบสนองความต้องการทั้งเนื้อสัตว์และอาหารสัตว์ที่เพิ่มขึ้นจากตลาดโลก

อ่านหรือดาวน์โหลดรายงาน ที่นี่

ถึงเวลาปฏิวัติระบบอาหาร

ร่วมเรียกร้องให้ภาครัฐออกกฎหมายติดฉลากผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์ทุกประเภทโดยเปิดเผยถึงข้อมูลการเลี้ยงสัตว์ ที่มาอาหารสัตว์ว่าเชื่อมโยงกับการทำลายป่าและก่อหมอกควันพิษหรือไม่ รวมถึงการใช้ยาปฏิชีวนะ และการตกค้างในเนื้อสัตว์

มีส่วนร่วม