ฮ่องกง / เบิร์กลีย์, สหรัฐอเมริกา, 23 เมษายน 2562 – รายงานของเครือข่ายสากลเพื่อยุติเทคโนโลยีเผาขยะและส่งเสริมทางเลือกในการจัดการของเสีย (GAIA -Global Anti Incinerator Alliance) ที่ใช้ข้อมูลการค้าขยะทั่วโลกจากกรีนพีซ เอเชียตะวันออก(Greenpeace East Asia) มาวิเคราะห์ ระบุว่า ขยะพลาสติกที่ทำให้เกิดการปนเปื้อนในแหล่งน้ำ การตายของพืช การเจ็บป่วยของผู้คนและมลพิษจากการเผาขยะในที่โล่ง ได้ไหลบ่าเข้ามาสู่ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในนามของการรีไซเคิล

“ขยะพลาสติกจากประเทศอุตสาหกรรมกำลังคุกคามชุมชนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เปลี่ยนแปลงพื้นที่อันสดใสและสวยงามให้เป็นหลุมฝังกลบขยะพิษนี่คือที่สุดของความไม่เป็นธรรมซึ่งประเทศและชุมชนต่างๆ ที่มีศักยภาพและทรัพยากรอย่างจำกัดในการจัดการมลพิษพลาสติกได้ตกเป็นเป้าหมายของการระบายขยะพลาสติกจากบรรดาประเทศอุตสาหกรรม” วอน เฮอร์นันเดซ ผู้ประสานงานระดับสากลของเครือข่าย Break Free from Plastic กล่าว

เพื่อตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงเส้นทางของขยะพลาสติกรีไซเคิล ทั้งก่อนและหลังการห้ามนำเข้าขยะพลาสติกของจีนในปี พ.ศ. 2561 กรีนพีซ เอเชียตะวันออกได้รวบรวมข้อมูลการนำเข้า-ส่งออกจากผู้ส่งออก 21 อันดับแรก โดยมีสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร เยอรมนี และญี่ปุ่นที่ถูกจัดอยู่ในลำดับต้น ๆ รวมถึงการรวบรวมข้อมูลผู้นำเข้าเศษพลาสติก 21 อันดับแรก

ในขณะเดียวกัน การสำรวจภาคสนามของเครือข่าย GAIA ในอินโดนีเซีย มาเลเซีย และไทยได้ลงลึกถึงกิจการรีไซเคิลที่ผิดกฎหมายและเกี่ยวข้องกับอิทธิพลมืด การเผาขยะในที่โล่ง การปนเปื้อนในแหล่งน้ำ การตายของพืช และการเจ็บป่วยที่เพิ่มมากขึ้นที่เชื่อมโยงกับมลพิษในสิ่งแวดล้อมเหล่านี้ทำให้ประชาชนลุกขึ้นประท้วง และทำให้รัฐบาลเดินหน้าออกข้อบังคับเพื่อป้องกันประเทศจากการเป็นที่ทิ้งขยะพลาสติก หลายประเทศทำตามแบบจีนในการออกนโยบายห้ามนำเข้าขยะพลาสติก

ข้อมูลบ่งชี้ว่าวิกฤตพลาสติกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ปัจจุบันเป็นสุดยอดของการค้าขยะพิษระดับโลก โดยมีทั้งขยะที่ส่งออกและขยะที่สะสมพื้นที่ของทุกๆ ประเทศที่เกี่ยวข้อง ไม่เว้นแต่ประเทศที่เคยเป็นผู้ส่งออกขยะ ในภาพรวม การส่งออกขยะพลาสติกลดลงเกือบร้อยละ 50 จาก 12.5 ล้านตันในปี 2559 เป็น 5.8 ล้านตันในปี 2561 (ข้อมูลตั้งแต่เดือนมกราคมถึงเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2561) ทั้งนี้ เนื่องจากมีการคาดการณ์ว่าการผลิตพลาสติกเพิ่มสูงขึ้น ดังนั้นการส่งออกที่ลดลงนั้นหมายถึง “พลาสติกรีไซเคิล” จะยังคงถูกสะสมหรือถูกนำไปกำจัดอย่างไม่เหมาะสมในประเทศต้นทาง [1]

แต่ถึงกระนั้น การส่งออกขยะพลาสติกก็ไม่ได้รับประกันถึงการกำจัดขั้นสุดท้ายที่เหมาะสม ปัจจุบัน การส่งออกขยะมีเส้นทางไปยังประเทศต่างๆ ที่มีข้อบังคับไม่เพียงพอที่จะปกป้องตนเอง ยกตัวอย่างเช่น North Sumengko ในอินโดนีเซียกลายเป็นพื้นที่ทิ้งขยะพิษจากต่างประเทศเพียงชั่วข้ามคืน การสำรวจภาคสนามของเครือข่าย GAIA พบกองขยะทับถมกันสูงถึง 2 เมตร การทิ้งอย่างมักง่ายและการเผาขยะในที่โล่งในเขตชุมชนเกษตรกรรม

กระบวนการเช่นนี้ยังคงดำเนินต่อไปนอกเสียจากว่าจะมีการจัดการอย่างเด็ดขาด และหลังจากที่จีนประกาศห้ามนำเข้าขยะพลาสติก ขยะจะถูกส่งไปยังมาเลเซีย เวียดนาม และไทย ซึ่งในเวลาต่อมาไม่นาน ได้มีความเข้มงวดการนำเข้าขยะ ท้านที่สุด การส่งออกขยะจึงมุ่งไปยังอินโดนีเซีย อินเดีย และตุรกี

“เมื่อประเทศใดประเทศหนึ่งควบคุมการนำเข้าขยะพลาสติก ขยะพลาสติกเหล่านั้นก็ถูกผลักไปสู่ปลายทางที่ไม่มีการควบคุมและเมื่อประเทศนั้นมีการตั้งกฎควบคุมขึ้น ขยะดังกล่าวก็จะถูกผลักไปสู่ประเทศอื่นอีก นี่คือระบบการล่าเหยื่อและยังไร้ประสิทธิภาพมากขึ้น สิ่งที่เกิดขึ้นแสดงให้เห็นถึงการมีพลาสติกมากขึ้นที่อยู่หลุดรอดไปในที่ที่เราไม่เห็นว่ามีอะไรเกิดขึ้น นี่คือสิ่งที่ไม่อาจยอมรับได้”เคท ลิน ผู้ประสานงานณรงค์อาวุโส กรีนพีซ เอเชียตะวันออกกล่าว

การประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาบาเซลที่จะจัดขึ้นในวันที่ 29 เมษายนถึง 10 พฤษภาคม พ.ศ.2562 ที่สวิตเซอร์แลนด์ เพื่อพิจารณาข้อเสนอจากนอร์เวย์ในประเด็นเรื่องความโปร่งใสและตรวจสอบได้มากขึ้นในการค้าขยะพลาสติกทั่วโลก ข้อเสนอดังกล่าวระบุว่าผู้ส่งออกขยะพลาสติกควรได้รับอนุญาตจากประเทศปลายทางล่วงหน้าซึ่งเป็นระบบที่เรียกว่า “การยินยอมล่วงหน้า” ซึ่งเป็นระบบที่ใช้อยู่แล้วสำหรับกากของเสียอันตรายประเภทต่างๆ

“ในขณะที่ประเทศที่ร่ำรวยทิ้งขยะพลาสติกคุณภาพต่ำของพวกเขาไปยังประเทศกำลังพัฒนา สิ่งที่ประชาคมโลกสามารถทำได้อย่างน้อยที่สุดคือการปกป้องสิทธิของการรับรู้ข้อมูลว่าสิ่งที่พวกเขาได้รับคืออะไร อย่างไรก็ตาม ประเทศส่งออกขยะพลาสติกต้องจัดการปัญหามลพิษพลาสติกในประเทศของตนแทนที่จะผลักภาระไปสู่ประเทศอื่นๆ” โบว์ บาคองกีส ผู้ประสานงานรณรงค์ด้านพลาสติกประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก องค์กร GAIA กล่าว

วิกฤตพลาสติกนี้ยังที่มาที่ชัดเจนคือ บริษัทที่ผลิตบรรจุภัณฑ์พลาสติกเพื่อเพิ่มผลกำไร

“การรีไซเคิลตามไม่ทันกับการผลิตพลาสติก มีเพียงร้อยละ 9 ของพลาสติกที่ผลิตได้เท่านั้นที่ถูกนำมารีไซเคิล ทางออกเดียวสำหรับการแก้ปัญหามลพิษพลาสติกคือการผลิตพลาสติกให้น้อยลง ผู้ใช้พลาสติกรายใหญ่ซึ่งส่วนใหญ่เป็นบริษัทสินค้าอุปโภคบริโภค อย่างเช่น เนสท์เล่และยูนิลิเวอร์ และยังรวมถึงซูเปอร์มาเก็ต จำเป็นต้องลดใช้บรรจุภัณฑ์พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้งและมุ่งสู่ระบบการเติมและการใช้ซ้ำ” เคท ลิน กล่าวเสริม

หมายเหตุ

สามารถดาวน์โหลดภาพถ่ายได้ที่ https://media.greenpeace.org/collection/27MZIFJWFLJC0

ดูรายงานของ GAIA ได้ที่ http://wastetradestories.org/

ดูการวิเคราะห์ข้อมูลของกรีนพีซเอเชียตะวันออกได้ที่ www.greenpeace.org/thailand/publication/5927/global-plastics-waste-trade

[1] มีการคาดการณ์ว่าแนวโน้มการผลิตขยะจะสูงขึ้นถึง 25,000 ล้านเมตริกตันภายในปี 2593 อ้างอิงจาก Geyer, R. et al (2017) Production, use and fate of all plastics ever made. Science Advances Vol. 3, no. 7. https://advances.sciencemag.org/content/3/7/e1700782. การเกิดขยะพลาสติกเพิ่มขึ้นในประเทศผู้ส่งออกที่สำคัญอย่างเช่น เยอรมนี (เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.9 ระหว่างปี 2558-2560) และ สหรัฐอเมริกา (เพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 12 ในปี 2561 เมื่อเทียบกับปี 2558)