อักรา กานา, 11 กันยายน 2567 – รายงานฉบับใหม่ของกรีนพีซ แอฟริกาและกรีนพีซ เยอรมนี เปิดโปงความเสียหายด้านสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อมระดับวิกฤตในกานา โดยมีสาเหตุจากอุตสาหกรรมการซื้อขายสิ่งทอมือสองระดับโลก รายงานที่มีชื่อว่า “Fast Fashion, Slow Poison: The Toxic Textile Crisis in Ghana,” เปิดโปงผลกระทบและความเสียหายด้านสิ่งแวดล้อม ผลกระทบต่อชุมชนและระบบนิเวศในกานา จากการทิ้งขยะสิ่งทอ (เสื้อผ้า เครื่องประดับ รองเท้า ฯลฯ) จากกลุ่มประเทศซีกโลกเหนือ โดยส่วนใหญ่เป็นเสื้อผ้าจากอุตสาหกรรมฟาสต์แฟชั่น

ทุก ๆ สัปดาห์ มีขยะเสื้อผ้ามากกว่า 15 ล้านชิ้นถูกส่งไปที่กานา แต่เกือบครึ่งหนึ่งเป็นเสื้อผ้าที่ไม่สามารถขายต่อเป็นเสื้อมือสองได้ สุดท้าย เสื้อผ้าใช้แล้วจำนวนมากเหล่านี้ถูกทิ้งที่บ่อขยะหรือถูกเผาในพื้นที่ซักผ้าสาธารณะ ขยะที่ถูกทิ้งเหล่านี้สร้างมลพิษทั้งในอากาศ ดิน และแหล่งน้ำ ทำให้ชุมชนมีความเสี่ยงด้านสุขภาพ

ข้อค้นพบสำคัญ

  • มลพิษทางอากาศ : กรีนพีซเก็บตัวอย่างอากาศจากโรงซักผ้าสาธารณะในชุมชนแออัดOld Fadama ใน Accra ซึ่งผลการตรวจสอบแสดงให้เห็นถึงระดับสารพิษที่สูงจนเป็นอันตรายต่อสุขภาพ โดยพบสารก่อมะเร็ง เช่น เบนซิน และโพลีไซคลิกอะโรมาติก (PAHs)
  • มลพิษพลาสติก : จากการทดสอบเสื้อผ้าที่ถูกทิ้งด้วยอินฟาเรด ระบุผลลัพธ์ว่า เสื้อผ้าเหล่านี้ถูกทักทอขึ้นโดยใช้ใยสังเคราะห์อย่างโพลีเอสเตอร์เกือบ 90% ซึ่งเป็นตัวการกระจายไมโครพลาสติกปนเปื้อนสู่สิ่งแวดล้อม
  • ความเสื่อมโทรมของสภาพแวดล้อม : ขยะสิ่งทอที่ถูกทิ้งปริมาณมหาศาลกำลังทำลายแหล่งที่อยู่อาศัยของสิ่งมีชีวิตตามธรรมชาติ ปนเปื้อนลงสู่แหล่งน้ำ และเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดขยะพลาสติกบนชายหาดไปทั่วชายฝั่ง

เฮเลน เดนา หัวหน้าโครงการยุติมลพิษพลาสติกในภูมิภาคแอฟริกา ของกรีนพีซ แอฟริกา กล่าวว่า

“รายงานฉบับนี้ย้ำเตือนกับเราดัง ๆ ว่าวิกฤตขยะสิ่งทอที่เป็นพิษในกานาไม่ได้เป็นมลพิษทางสิ่งแวดล้อมเพียงอย่างเดียว แต่เป็นตัวอย่างของปัญหาความเหลื่อมล้ำที่เกิดจากวิกฤตสิ่งแวดล้อมที่กลุ่มประเทศซีกโลกเหนือส่งมาให้กับพวกเรา ดังนั้น แบรนด์แฟชั่นและรัฐบาลจะต้องแสดงความรับผิดชอบโดยทันทีต่อความเสียหายที่เกิดจากขยะที่พวกเขาส่งไปยังประเทศต่าง ๆ เช่น กานา”

ด้านผู้เขียนรายงาน แซม ควาซี-ไอดัน (Sam Quashie-Idun) ยังเน้นย้ำถึงผลกระทบอื่น ๆ นอกจากข้อค้นพบสำคัญอีกด้วย

“เรามีหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่าอุตสาหกรรมฟาสต์แฟชั่นไม่ได้เป็นแค่อุตสาหกรรมที่ขับเคลื่อนแฟชั่น แต่ยังเร่งเร้าให้วิกฤตสุขภาพรุนแรงขึ้น ตัวอย่างเสื้อผ้าที่เราเก็บมามีสารเคมีที่เป็นพิษต่อสุขภาพของประชากรในกานา”

“สถานการณ์ในกานาสะท้อนให้เห็นถึงแนวคิดการล่าอาณานิคมยุคใหม่ กลุ่มประเทศซีกโลกเหนือได้ผลกำไรจากการผลิตที่ล้นเกินและขยะปริมาณมหาศาล ในขณะที่กลุ่มประเทศซีกโลกใต้อย่างกานากลับต้องเป็นผู้รับผิดชอบมลพิษเหล่านี้ ถึงเวลาแล้วที่โลกจะต้องมีสนธิสัญญาที่แก้ไขวิกฤตนี้และปกป้องชุมชนจากความเสียหายที่เกิดขึ้นจากฟาสต์แฟชั่น”

นักรณรงค์ของกรีนพีซ แอฟริกา เรียกร้องการแก้ปัญหานี้ในระยะยาวสำหรับวิกฤตจากฟาสต์แฟชั่นมาโดยตลอด

“เราเรียกร้องให้ยุติการนำเข้าขยะ รัฐบาลกานาจะต้องทำให้เรื่องนี้เป็นวาระเร่งด่วน โดยออกกฎหมายที่เด็ดขาดที่จะหยุดการนำเข้าขยะสิ่งทอจากกลุ่มประเทศซีกโลกเหนือ รัฐบาลควรนำเข้าแค่เสื้อผ้าที่ยังนำไปใช้ซ้ำหรือยังสวมใส่ได้เท่านั้น แบรนด์แฟชั่นจะต้องรับผิดชอบทั้งระบบของห่วงโซ่ของสินค้าตั้งแต่การผลิตเสื้อผ้าไปจนถึงการกำจัดปลายทาง ภายใต้หลักการ Extended Producer Responsibility (EPR) หรือหลักการขยายความรับผิดชอบของผู้ผลิต”

สำหรับ แซม ควาซี-ไอดัน เขาเรียกร้องการสนับสนุนฉุกเฉินสำหรับการแก้ปัญหาให้กับชุมชน “รัฐบาลกานาต้องร่วมมือกับประเทศอื่น ๆ เพื่อสนับสนุนการพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอของท้องถิ่นที่ยั่งยืนในกานา เพื่อบรรเทาวิกฤตขยะและสามารถเพิ่มโอกาสทางเศรษฐกิจไปพร้อมกัน”

กรีนพีซ แอฟริกาเรียกร้องให้กลุ่มประเทศซีกโลกเหนือต้องรับฟังเสียงของประชาชนในกานา และต้องร่วมกันทำงานเพื่อพัฒนาหนทางการแก้วิกฤตที่เป็นธรรม ยั่งยืน และปราศจากผลประโยชน์จากกลุ่มที่เอารัดเอาเปรียบ


หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ

Ferdinand Omondi, Communication and Story Manager, Greenpeace Africa
Email: [email protected]

ติดต่อโต๊ะข่าว กรีนพีซ แอฟริกา

[email protected]