ฮ่องกง 18 ตุลาคม 2560 – ผลการวิจัยครั้งล่าสุดของ โคลสวอร์ม และ กรีนพีซ พบว่า ตั้งแต่ปี 2553 มากกว่าหนึ่งในสี่ของบริษัท 1,675 แห่ง ที่เป็นเจ้าของโครงการหรือวางแผนสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน ได้เลิกประกอบธุรกิจอุตสาหกรรมถ่านหินแล้วทั้งหมด ขนาดที่ว่านี้เท่ากับโรงไฟฟ้าถ่านหินขนาดใหญ่รวมกัน 370 แห่ง ซึ่งใหญ่มากพอที่จะผลิตไฟฟ้าให้อังกฤษและพื้นที่เท่ากันได้ 6 ประเทศ และเทียบเท่าเกือบครึ่งล้านล้านเหรียญสหรัฐฯของมูลค่าสินทรัพย์ที่ไม่ใช้งานหรือไม่พัฒนาอีกต่อไปแล้ว (1)

ขณะที่บริษัทผลิตไฟฟ้าอีกจำนวนมากอยู่ในช่วงที่ต้องปฎิรูปอย่างรวดเร็วงานวิจัยชิ้นนี้ยังแสดงให้เห็นว่าทั้ง 23 ประเทศรัฐและเมืองนี้จะยกเลิกการผลิตไฟฟ้าจากถ่านหินหรือไม่ก็กำหนดกรอบเวลาการเลิกใช้ให้แล้วเสร็จภายในปี 2573“ก่อนปี 2557 ยังไม่มีขอบเขตอำนาจศาลและกฎหมายครอบคลุมคำสั่งให้ยกเลิก” ลอรี มิลลิเวอร์ตา นักวิจัยด้านพลังงาน กรีนพีซเอเชียตะวันออก กล่าว “สิ่งที่เราได้ประจักษ์ขณะนี้คือ การเริ่มยกเครื่องระบบพลังงงานของเราทั้งหมด ซึ่งจะช่วยกอบกู้วิกฤตการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และมลพิษทางอากาศ โดยที่ขณะนี้ รัฐบาลหลายแห่งทำการเร่งเปลี่ยนไปใช้พลังงานหมุนเวียนเต็มร้อยและยังรับประกันถึงการเปลี่ยนผ่านที่เป็นธรรมต่อ คนงานและชุมชนต่างๆ ที่ได้รับผลกระทบจากการล่มสลายของอุตสาหกรรมถ่านหินด้วย”

นับถึงวันนี้ มีหกประเทศ รัฐ มณฑลและเมืองที่ยุติการใช้พลังงานถ่านหินแล้วโดยสิ้นเชิง ตั้งแต่ปี 2557 และ อีก 17 ประเทศได้ประกาศแล้วว่า จะยุติการใช้พลังงานถ่านหินภายในปี 2573 หรือ เร็วกว่านั้น สามประเทศยักษ์ใหญ่ด้านเศรษฐกิจโลกในกลุ่ม จี7 ได้แก่ อังกฤษ แคนาดา และฝรั่งเศส ตัดสินใจยุติการผลิตไฟฟ้าจากถ่านหิน ตามมาด้วยประเทศในกลุ่มสหภาพยุโรปอีกหกประเทศ โดยเนเธอร์แลนด์เป็นประเทศล่าสุดที่ประกาศยกเลิกในเดือนนี้ อินโดนีเซีย ซึ่งเพิ่งสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินขนาดใหญ่ที่สุดเป็นอันดับสามของโลกรองจากอินเดียและจีนในช่วงไม่กี่ปีมานี้ ยังได้ยืนยันว่า จะไม่สานต่อโครงการถ่านหินเพิ่มอีกในระบบการผลิตไฟฟ้าของประเทศ

“การลงทุนระดับโลกในอุตสาหกรรมถ่านหินอยู่ในภาวะล้มละลาย อันเป็นผลจากการโครงการโรงไฟฟ้าใหม่ๆที่ล้มเหลวทั้งในจีนและอินเดีย เพราะเงินลงทุนกลับไปเพิ่มขึ้นในอุตสาหกรรมพลังงานหมุนเวียนที่ต้นทุนถูกกว่า” มิลลิเวอร์ตา กล่าว

หลายพื้นที่กลายเป็นเขตปลอดถ่านหินรวมทั้งในเมืองหลวงของจีนและอินเดีย ทำให้ทั้งสองประเทศต้องตัดเงินลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินแห่งใหม่ หลังจากมีข้อกังวลเกี่ยวกับเงินลงทุนที่เสียไป จากการตื่นตัวเรื่องต้นทุนที่สูงเกินไปของโรงไฟฟ้าถ่านหินและอายุการใช้งานที่สั้น การประท้วงอย่างรุนแรงจากสาธารณชนต่อมลพิษทางอากาศ และเป้าหมายที่เปลี่ยนสู่พลังงานหมุนเวียนที่สะอาด

“โรงไฟฟ้าถ่านหินจำนวนมากกำลังปลดระวางแล้ว เป็นประวัติการณ์ในช่วงสองปีที่ผ่านมา และนโยบายต่างๆที่ให้ยกเลิกการผลิตไฟฟ้าจากถ่านหินก็มีมากขึ้น ซึ่งหมายถึงแนวโน้วด้านพลังงานหมุนเวียนที่สะอาดจะเกิดเร็วขึ้น มีการพัฒนาและแข่งขันกันมากขึ้น ส่วนธุรกิจขาลงอย่างถ่านหิน ปัญหามลพิษทางอากาศและความพยายามกู้วิกฤตการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ทั้งหมดนี้จะเป็นปัจจัยสำคัญที่เร่งให้ถ่านหินตายไปเอง” คริสติน เชียเรอร์ นักวิจัยอาวุโส แห่งโคลสวอร์ม กลุ่มติดตามโรงไฟฟ้าถ่านหินทั่วโลก กล่าว

“ขณะที่การถอยห่างจากถ่านหินมีความคืบหน้าเร็วขึ้นกว่าที่คาดไว้ แต่ก็ยังต้องให้รุดหน้ามากขึ้น ให้บรรลุเป้าหมายตามข้อตกลงปารีสที่เรียกร้องให้ประเทศ OECD ปิดโรงไฟฟ้าถ่านหินทั้งหมดภายในปี 2573 ขณะนี้จึงเป็นเวลาที่เหมาะสมสำหรับประเทศต่างๆ โดยเฉพาะเยอรมนี ญี่ปุ่นและในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่จะดำเนินนโยบายตามตัวอย่างนี้” เชียเรอร์ กล่าว

แม้ว่าประธานาธิบดีทรัมป์จะใช้วาทะศิลป์ให้คืนชีพอุตสาหกรรมถ่านหิน แต่การตัดสินใจที่จะปลดระวางโรงไฟฟ้าถ่านหินในสหรัฐฯยังคงดำเนินต่อไปในปีนี้ ในอัตราที่เร็วเท่ากับปีที่แล้ว คือ มีโรงไฟฟ้าถ่านหิน 54 แห่ง ถูกปลดระวางเป็นจำนวนเท่ากับกำลังผลิตไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าถ่านหินที่มีทั้งหมดของสเปน

“มีอยู่ไม่กี่แห่งเช่น เบลเยี่ยม หลายรัฐในสหรัฐฯ และสกอตแลนด์ ที่บริษัทหลายแห่งได้ตัดสินใจปิดโรงไฟฟ้าถ่านหิน อันเป็นผลจากกฎหมายที่บังคับใช้ให้ปลอดถ่านหิน การคืบหน้าในการดำเนินนโยบายนี้ในสหรัฐฯยังดำเนินต่อไปแม้ว่ารัฐบาลของประธานาธิบดีทรัมป์จะพยายามโน้มน้าว” มิลลิเวอร์ตา กล่าวแคลิฟอเนียร์ เป็นรัฐที่มีขนาดเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ ก็ได้ดำเนินนโยบายปลอดถ่านหิน และยังได้ผลักดันให้รัฐข้างเคียงลดการใช้ถ่านหินด้วย รัฐแมสซาซูเซตส์กำหนดปิดโรงไฟฟ้าถ่านหินแห่งสุดท้ายของรัฐในปีนี้ และอีกห้ารัฐ เช่น คอนเนคติกัต ฮาวาย นิวยอร์ค โอเรกอน และวอชิงตัน ก็ได้กำหนดเวลาไว้แล้ว

หมายเหตุ
ลิงค์สำหรับรายงาน “Global Phase-Out: First Global Survey of Companies and Political Entities Exiting Coal”
ลิงค์สำหรับรายงาน “Global Shift: Countries and Subnational Entities Phasing Out Existing Coal Power Plants and Shrinking the Proposed Coal Power Pipeline”

ภาพและวิดีโอ คลิกที่นี่

(1) โรงไฟฟ้าไฟฟ้าถ่านหินขนาดมาตรฐานอยู่ที่ 500 เมกะวัตต์ หรือ 0.5 กิกะวัตต์ โดยโรงไฟฟ้าส่วนใหญ่จะมีหน่วยการผลิตสองหน่วยหรือมากกว่า ตามขนาดของหน่วยการผลิตนี้ โรงไฟฟ้าถ่านหินที่มีการยกเลิกไปมีหน่วยการผลิตรวมกัน 736 หน่วย หรือ เท่ากับโรงไฟฟ้าถ่านหิน 368 โรงโดยประมาณ
ในจำนวนบริษัท 1,675 แห่งที่เป็นเจ้าของโรงไฟฟ้าถ่านหิน หรือมีการพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหิน มี 448 แห่งที่ยุติการใช้ไฟฟ้าจากถ่านหินในธุรกิจโดยสิ้นเชิง ตั้งแต่ปี 2553 มูลค่าโดยประมาณของโรงไฟฟ้าถ่านหินทั้งที่ถูกพักไว้ก่อนและถูกยกเลิกใช้ไปแล้วตั้งแต่ปี 2553 มีมูลค่า 432 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ (ขึ้นอยู่กับค่าเฉลี่ยทั่วโลกที่คำนวนตามภูมิภาคคือ 1,172 เหรียญสหรัฐฯต่อกิโลวัตต์​ต่อการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินใหม่หนึ่งโรง)
ข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อ

ฝ่ายข่าว กรีนพีซเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ +62 811 7503 918 and +62 811 1923 721
ฝ่ายข่าว กรีนพีซสากล [email protected], phone: +31 (0) 20 718 2470 (ตลอด 24 ชั่วโมง)