ดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ – ในขณะที่ COP28 เข้าสัปดาห์ที่สอง คณะเจรจาในดูไบจะต้องเผชิญกับการตอบรับข้อเรียกร้องสําหรับความมุ่งมั่นในการปลดระวางเชื้อเพลิงฟอสซิล เราไม่เคยได้ยินเสียงเรียกร้องมากมายขนาดนี้มาก่อน ซึ่งมาจากหลายทิศทางเพื่อฉวยเวลาเอาไว้และมุ่งมั่นที่จะปลดระวางน้ํามัน ถ่านหิน และก๊าซฟอสซิล และไม่เคยมีการนำเสนอทางเลือกในการปลดระวางเชื้อเพลิงฟอสซิลที่ทําให้เป็นร่างข้อความในเอกสารเจรจามาถึงจุดนี้มาก่อน แต่ก็ยังไม่มีการรับประกันว่าการตัดสินใจจะเป็นอย่างไร

 ไคซา โคโซเนน หัวหน้าคณะผู้แทนกรีนพีซที่ COP28 กล่าวว่า “เรามาที่นี่เพื่อทำให้เชื้อเพลิงฟอสซิลกลายเป็นประวัติศาสตร์ ถึงตอนนี้ รัฐบาลทั้งหลายรู้ว่าพวกเขาไม่สามารถออกจากการประชุมเจรจาสุดยอดนี้ได้หากไม่มีข้อตกลงที่จะยุติเชื้อเพลิงฟอสซิลอย่างทันท่วงทีและเป็นธรรม คําถามคือกลุ่มของทางออก การสนับสนุน และความร่วมมือที่จะพาเราผ่านไปสู่จุดจบของยุคฟอสซิลคืออะไร เป็นที่ชัดเจนว่ากลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้วจะต้องเป็นผู้นําในเรื่องนี้

ทางออกมีพร้อมแล้ว – การเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานหมุนเวียนอย่างทันท่วงทีและเป็นธรรมนั้นเป็นไปได้ – แต่จะไม่เกิดขึ้นเร็วมากพอเว้นเสียแต่อุตสาหกรรมเชื้อเพลิงฟอสซิลต้องออกไปพ้นทาง และเมื่อพูดถึงเงิน ดูสิว่าใครทํากําไรได้เป็นประวัติการณ์ในปีที่แล้ว ถ้าไม่ใช่อุตสาหกรรมเชื้อเพลิงฟอสซิล! มีทรัพยากรทางการเงินเพียงพอในโลกที่จะจัดการกับวิกฤตนี้ แต่ต้องเปลี่ยนเส้นทางจากปัญหาไปสู่แนวทางแก้ไข เพื่อให้ผู้ก่อมลพิษต้องจ่าย”

หยวน หยิง หัวหน้าผู้แทนจีน กรีนพีซเอเชียตะวันออก กล่าวว่า “COP28 จะไม่ประสบความสําเร็จหากไม่มีเป้าหมายพลังงานหมุนเวียนและการปลดระวางเชื้อเพลิงฟอสซิลอย่างเต็มรูปแบบ รวดเร็ว เป็นธรรม และได้รับการสนับสนุนทางการเงิน หลังจากทศวรรษที่ร้อนที่สุดเท่าที่เคยมีมา ไม่มีอะไรแย่ไปกว่าคือการละทิ้งเป้าหมายนี้

จีนเป็นผู้ผลิตพลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์รายใหญ่ที่สุดของโลก และมีความสามารถในการตอบสนองต่อวิกฤตสภาพภูมิอากาศเทียบเท่ากับกลุ่มประเทศที่ร่ํารวย ในขณะเดียวกัน ก็มีประเด็นกังวลหลายประการเช่นเดียวกับกลุ่มประเทศกําลังพัฒนา บทบาทระหว่างสองประการนี้เอื้อให้จีนปลดล็อกการเจรจาที่ยุ่งเหยิงในสัปดาห์ที่สองได้ คําแถลง China-US Sunnylands เป็นกุญแจสําคัญในการปลดล็อกเพื่อหาทางออก แต่เรายังคงต้องเห็นการลงมือทำใน COP28”

กีห์วา นาคัท ผู้อำนวยการบริหาร กรีนพีซ ตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือ กล่าวว่า “ไม่มีใครเป็นผู้นำอย่างโดดเด่นในช่วงสัปดาห์แรกของการประชุมเจรจา แต่ที่แน่ๆ COP28 นี้เริ่มต้นได้ดีและมีความหวัง ฉันทามติครั้งประวัติศาสตร์ในการดําเนินการกองทุนใหม่ว่าด้วยความสูญเสียและความเสียหาย (Loss and Damage Fund) อาจเป็นกลไกในการค้ำจุนชีวิตที่แท้จริงสําหรับชุมชนแนวหน้าของวิกฤตสภาพภูมิอากาศ หากความรับผิดชอบของกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้วในการเป็นผู้นําในการจัดหาเงินทุนได้รับการยอมรับในการตัดสินใจของเวทีเจรจาในท้ายที่สุด

แต่การประกาศกองทุนดังกล่าวไม่เพียงพอหากเราไม่มีโลกให้อยู่อาศัย เราต้องหยุดเร่งเร้าให้เกิดความสูญเสียและความเสียหายมากขึ้น ทุกอย่างเป็นเพียงการโหมโรงของสิ่งที่เราอยากได้ยินจริงๆ นั่นคือความมุ่งมั่นในการปลดระวางเชื้อเพลิงฟอสซิลทั้งหมดอย่างเป็นธรรมและเท่าเทียมกันภายในกลางศตวรรษนี้”

ดร. Camila Jardim ผู้เชี่ยวชาญด้านการเมืองระหว่างประเทศของกรีนพีซ บราซิล กล่าวว่า “บราซิลมาที่ COP28 ด้วยความคืบหน้าที่สําคัญในการต่อกรกับการตัดไม้ทําลายป่า และด้วยข้อเสนอที่น่าสนใจสําหรับกองทุนการเงินระดับโลกเพื่อป่าเขตร้อนซึ่งไปพ้นจากตรรกะวิบัติของตลาดคาร์บอน

อย่างไรก็ตาม รัฐบาลบราซิลกลับหลีกเลี่ยงการสนทนาที่ยากและเร่งด่วนที่สุดใน COP28 นี้ นั่นคือ การเจรจาข้อตกลงระดับโลกเพื่อปลดระวางเชื้อเพลิงฟอสซิลทั้งหมดภายในปี ค.ศ.2050 โดยที่ลดลงอย่างมีนัยสําคัญภายในปี ค.ศ.2030 วิทยาศาสตร์ได้ระบุชัดเจน นั่นคือ ภารกิจเพื่อจำกัดอุณหภูมิเฉลี่ยผิวโลกไว้ที่ 1.5º C ของกระบวนการทูตของบราซิลนั้นเป็นไปไม่ได้เลยหากไม่มีการยุติยุคเชื้อเพลิงฟอสซิล

บราซิลจําเป็นต้องหยุดซ่อนตัวอยู่เบื้องหลังเหตุผลที่ไร้ความหมาย : ไม่มีประเทศใดในโลกที่มีศักยภาพที่บราซิลมีในเรื่องพลังงานหมุนเวียน โดยเป็นอนาคตของภูมิรัฐศาสตร์ด้านพลังงานระดับโลก บราซิลสามารถเป็นผู้นําและชี้ทางให้กับประเทศอื่นๆ ทั้งโดยการเรียกร้องเงินทุนและการถ่ายทอดเทคโนโลยีไปยังกลุ่มประเทศกําลังพัฒนา และโดยการสร้างฉันทามติเกี่ยวกับความเร่งด่วนของความตกลงนี้และแบ่งปันประสบการณ์และเทคโนโลยีของเราเองกับมิตรประเทศต่างๆ”

Thandile Chinyavanhu นักรณรงค์ด้านสภาพภูมิอากาศและพลังงาน กรีนพีซ แอฟริกา กล่าวว่า “แอฟริกากําลังก้าวย่างออกจากแนวปฏิบัติที่ล้าสมัยของอุตสาหกรรมเชื้อเพลิงฟอสซิลที่กักกันชุมชนท้องถิ่นให้อยู่ท่ามกลางความขัดแย้ง ความทุกข์ยาก และการล่มสลายทางนิเวศวิทยามานานหลายทศวรรษ เราต้องสนับสนุนก้าวย่างนี้ซึ่งขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมที่หยั่งรากลึกในความเป็นแอฟริกันที่เปิดกว้างและหลากหลาย(pan-Africanism) เพื่อบรรลุก้าวย่างแห่งอนาคตนี้ เราต้องการให้ผู้นําของเราปฏิเสธความพยายามที่จะปล้นทรัพยากรในรูปแบบการล่าอาณานิคมใหม่(neo-colonial) ซึ่งในท้ายที่สุดชาวแอฟริกันทั้งหลายต้องแบกภาระ”

Rolf Skar ผู้อํานวยการรณรงค์ กรีนพีซ สหรัฐอเมริกา กล่าวว่า “สหรัฐฯ ลงนามในความตกลงการปลดระวางเชื้อเพลิงฟอสซิลที่การประชุม G7 แต่ที่ COP28 ผู้แทนรัฐบาลและคณะเจรจาไม่ได้กระตือรือร้น เห็นได้ชัดว่าพอใจที่จะดูโลกของเราเดือดมากขึ้น สหรัฐอเมริกากําลังอยู่ในเส้นทางของการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์มากกว่าหนึ่งในสามของโลกจากการผลิตน้ํามันและก๊าซฟอสซิลใหม่จนถึงปี ค.ศ. 2050 แต่พวกเขาไม่อาจซ่อนตัวอยู่ภายใต้ความคลุมเครือของการปลดระวางถ่านหินในขณะที่กำลังเพิกเฉยต่อปัญหาที่ใหญ่ที่สุด นั่นคือ สหรัฐอเมริกากำลังขยายฟอสซิล(น้ํามันและก๊าซฟอสซิล)เพิ่มมากขึ้นไปอีกซึ่งยิ่งเร่งเร้าภาวะฉุกเฉินด้านสภาพภูมิอากาศ

“อย่าคิดว่าไม่มีใครรู้ ชาวอเมริกันที่แบกรับภาระหนักที่สุดของการขุดเจาะและส่งออกเชื้อเพลิงฟอสซิลซึ่งส่วนใหญ่เป็นชุมชนคนผิวสีนั้นต้องการนโยบายที่ยุติการปฏิบัติต่อชุมชนของตนให้เป็นเขตสังเวยของอุตสาหกรรมน้ํามันและก๊าซฟอสซิล ประชาคมระหว่างประเทศคาดหวังและต้องการให้สหรัฐอเมริกาเป็นผู้นําที่เป็นแบบอย่าง ยังมีเวลาให้สหรัฐอเมริกาเปลี่ยนแปลง แต่ไม่ควรเสียเวลาที่ COP28 อีกต่อไปด้วยท่าทีครึ่งๆ กลางๆ และผิดสัญญา”

ฮิโรทากะ โคอิเกะ เจ้าหน้าที่อาวุโสฝ่ายการเมืองและกิจการภายนอกของกรีนพีซเอเชียตะวันออกกล่าวว่า “ในขณะที่โลกกําลังประสบกับช่วงเวลาที่ร้อนที่สุดเป็นประวัติการณ์ ญี่ปุ่นเองก็ปิดปากเมื่อพูดถึงการปลดระวางเชื้อเพลิงฟอสซิล ในฐานะที่เป็นประเทศเดียวในกลุ่ม G7 ที่ไม่ได้กำหนดกรอบเวลาปลดระวางถ่านหิน ความเงียบของญี่ปุ่นแสดงให้เห็นถึงความไม่เต็มใจที่จะเชิดชูคํามั่นสัญญาในฐานะประธานการประชุม G7 ที่ผ่านมา และซ่อนตัวอยู่หลังกลุ่มประเทศอื่นๆ ที่เป็นอุปสรรคขัดขวางการเจรจาเพื่อทํางานสกปรก

การมาถึงของรัฐมนตรีในฐานะผู้แทนประเทศควรทำให้เกิดการปลี่ยนท่าทีหากญี่ปุ่นต้องการแสดงให้เห็นว่าตนมีส่วนร่วมในระดับโลกเพื่อต่อกรเพื่อให้เป้าหมายขีดจำกัดอุณหภูมิ  1.5 ℃ ยังคงอยู่ ญี่ปุ่นควรใช้โอกาสนี้เพื่อทําให้ชัดเจนว่าพวกเขาอยู่ด้านที่ถูกต้องของประวัติศาสตร์โดยการสนับสนุนการปลดระวางเชื้อเพลิงฟอสซิลที่รวดเร็ว เป็นธรรม และเท่าเทียมกันในห้องเจรจา”

Shiva Gounden หัวหน้าฝ่ายแปซิฟิก กรีนพีซ ออสเตรเลีย แปซิฟิก กล่าวว่า “แนวร่วมกลุ่มประเทศหมู่เกาะขนาดเล็ก(AOSIS) เป็นเสียงที่ทรงพลังสําหรับกลุ่มประเทศกําลังพัฒนาที่เป็นเกาะเล็กๆ ของเราเพื่อทำให้เป้าหมายขีดจำกัดอุณหภูมิ 1.5 ℃ ยังคงอยู่ พวกเขาเรียกร้องอย่างต่อเนื่องให้กลุ่มผู้ปล่อยก๊าซเรือนกระจกรายใหญ่จัดการกับความท้าทายที่ไม่มีใครพูดถึงนั้นคือเชื้อเพลิงฟอสซิล กลุ่ม AOSIS เรียกร้องความจําเป็นเร่งด่วนในการปลดระวางเชื้อเพลิงฟอสซิลทั้งหมดและเงินอุดหนุนเชื้อเพลิงฟอสซิลที่ไร้ประโยชน์ หากพวกเราต้องการเห็นโลกได้มีโอกาสเพื่อหล่อเลี้ยงความหลากหลายเพื่อคนรุ่นต่อไปในอนาคต เพื่อหมู่เกาะของเรา นี่เป็นเรื่องของความอยู่รอด ไม่ใช่แค่ผลลัพธ์ทางเทคนิคที่เรากําลังเจรจาในห้องเท่านั้น แต่เป็นเรื่องของการปกป้องแผ่นดิน มหาสมุทร และผู้คนของเรา”

Maarten de Zeeuw นักรณรงค์ด้านสภาพภูมิอากาศและพลังงาน กรีนพีซ เนเธอร์แลนด์ กล่าวว่า “สหภาพยุโรปจับตาดูความเคลื่อนไหวในการเจรจาเพื่อบรรลุเป้าหมายการปลดระวางเชื้อเพลิงฟอสซิลที่จําเป็นเร่งด่วนจากการประชุมเจรจาสุดยอดครั้งนี้ แต่สหภาพยุโรปยังต้องทําให้เป้าหมายชัดเจน การยุติการขยายตัวของการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลในทศวรรษนี้ไม่เพียงพอ เมื่อความท้าทายที่แท้จริงคือการทําให้การใช้น้ํามัน ถ่านหิน และก๊าซฟอสซิลลดลงอย่างมากภายในปี ค.ศ.2030

การไปให้ถึงเป้าหมายดังกล่าวที่ COP28 สหภาพยุโรปจําเป็นต้องรับรองว่าจะมีการสนับสนุนต่อกลุ่มประเทศที่ต้องการความช่วยเหลือ เนื่องจากโอกาสในปัจจุบันไม่เท่ากัน เรากําลังเรียกร้องให้สหภาพยุโรปและกลุ่มประเทศร่ำรวยทั้งหลายเป็นผู้นําโดยการมุ่งมั่นยุติการบริโภคและการผลิตเชื้อเพลิงฟอสซิลให้เร็วที่สุด และเดินหน้าสนับสนุนทางการเงินเพื่อการปลดระวางฟอสซิลที่เป็นธรรมในกลุ่มประเทศที่ยากจน”

Rebecca Newsom หัวหน้าฝ่ายการเมืองของกรีนพีซ สหราชอาณาจักร กล่าวว่า “สถานะของสหราชอาณาจักรในฐานะผู้นําในการเจรจาสภาพภูมิอากาศโลกนั้นยังไม่แน่นอน ในขณะที่ไฟป่าและน้ําท่วมสร้างความหายนะไปทั่วโลก ข้อความของนายกรัฐมนตรีถึงคณะเจรจาในดูไบคือสหราชอาณาจักรได้ทําไปมากพอแล้ว ในขณะที่คณะเจรจาของเขายังคงทํางานอย่างหนักอยู่หลังฉาก พวกเขาต้องพูดอย่างมุ่งมั่นมากขึ้นในเรื่องการปลดระวางเชื้อเพลิงฟอสซิลอย่างเต็มรูปแบบ รวดเร็ว เป็นธรรม และมีการสนับสนุนด้านการเงิน ขณะเดียวกัน ต้องไม่เห็นแย้งต่อข้อเสนอในการเจรจาถึงสาระสําคัญของภาระผูกพันทางการเงินด้านสภาพภูมิอากาศในอนาคตสําหรับกลุ่มประเทศกําลังพัฒนา

เมื่อรัฐมนตรี(ของสหราชอาณาจักร)มาถึง ยังมีเวลาให้สหราชอาณาจักรแสดงความเป็นผู้นําที่แท้จริงในการสนับสนุนผลลัพธ์ที่ทะเยอทะยานและเท่าเทียมกันเพื่อยุติยุคเชื้อเพลิงฟอสซิลและสร้างขีดความสามารถในการรับมือและฟื้นคืนจากผลกระทบของวิกฤตสภาพอากาศที่เพิ่มขึ้น สาธารณชน ธุรกิจ นักลงทุน และแนวร่วมที่เพิ่มขึ้นของกลุ่มประเทศต่างๆ ก็เรียกร้องเช่นเดียวกัน – ขณะนี้ เป็นเวลาของการลงมือทำ”

Pedro Zorrilla Miras นักรณรงค์ด้านสภาพภูมิอากาศและพลังงาน กรีนพีซ สเปน กล่าวว่า “ในสัปดาห์แรกของ การเจรจาที่ COP28 สหภาพยุโรปเป็นหนึ่งในกลุ่มผู้นําในการปลดระวางเชื้อเพลิงฟอสซิล ซึ่งเป็นขั้นตอนสําคัญที่จําเป็นเพื่อทำให้เป้าหมายขีดจำกัดอุณหภูมิ 1.5 ℃ ยังคงอยู่ และหลีกเลี่ยงหายนะภัยสภาพภูมิอากาศที่เลวร้ายที่สุด สเปนเป็นประเทศหลักที่ผลักดันเรื่องนี้ ดังที่แสดงโดยแถลงการณ์ของนายกรัฐมนตรีเปโดร ซานเชซ และโดยรองประธานาธิบดีเทเรซา ริเบรา อย่างไรก็ตาม หากเราต้องการบรรลุก้าวย่างทางประวัติศาสตร์นี้ สเปนจําเป็นต้องเพิ่มความทะเยอทะยานโดยปฏิเสธเทคโนโลยีการลดการปล่อยก๊าซ (เช่น การดักจับและกักเก็บคาร์บอน) และโดยแสดงความมุ่งมั่นที่ชัดเจนในการสนับสนุนทางการเงินที่เพียงพอสําหรับกลุ่มประเทศกําลังพัฒนาเพื่อปลดระวางเชื้อเพลิงฟอสซิล”


หมายเหตุ

อ่านเอกสารสรุปเกี่ยวกับข้อเรียกร้องของกรีนพีซต่อการประชุม COP28

ดาวน์โหลดภาพ

ข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อ : 

Gaby Flores, [email protected], +1 214 454 3871 

โต๊ะข่าว กรีนพีซ สากล: [email protected] โทร.+31 (0) 20 718 2470 (ตลอด 24 ชั่วโมง)