ปักกิ่ง – เอกสารอนุมัติอย่างเป็นทางการระบุว่ารัฐบาลท้องถิ่นของจีนอนุมัติโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินอย่างน้อย 20.45 กิกะวัตต์ ภายในระยะเวลา 3 เดือนแรกของปี 2566 โดยให้เหตุผลถึงความกังวลด้านความมั่นคงทางพลังงาน การลงทุนถ่านหินที่เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวนี้ก่อให้เกิดค่าใช้จ่ายจำเป็นในการปรับปรุงระบบการจ่ายไฟฟ้าของจีนและการปรับปรุงระบบโครงข่ายสายส่งและศักยภาพการกักเก็บพลังงาน ซึ่งจะเพิ่มประสิทธิภาพกำลังผลิตและรองรับความต้องการใช้ไฟฟ้าช่วงพีค

“ในปี 2565 ถ่านหินยังคงเป็นเชื้อเพลิงที่นำมาใช้เพิ่มขึ้น และยังต่อเนื่องมาจนถึงปีนี้ ในช่วงที่อากาศร้อนขึ้นแม้ว่าจีนจะมีโครงการพลังงานที่มาจากหลายแหล่งอยู่ทั่วประเทศ แต่การเพิ่มการใช้ถ่านหินมากขึ้นก็ไม่ใช่ทางออก จีนยังคงมีกำลังการผลิตไฟฟ้าในระบบเพียงพอ แต่ปัญหาอยู่ที่ระบบสายส่งไฟฟ้าที่ยังไม่มีความยืดหยุ่นและประสิทธิภาพมากพอ ซึ่งปัญหาเหล่านี้จะเป็นอุปสรรคต่อการไหลของไฟฟ้าและกักเก็บพลังงาน” Xie Wenwen นักรณรงค์ด้านสภาพภูมิอากาศและพลังงาน กรีนพีซเอเชียตะวันออก กล่าว

กรีนพีซ เอเชียตะวันออกตรวจสอบเอกสารทางการ รวมถึงเอกสารการอนุมัติโครงการ เอกสารการตรวจสอบ และรายงานการศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม เพื่อยืนยันว่ามีโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินหลายแห่งที่เกิดขึ้นในช่วงปี 2565 และในช่วงไตรมาสแรกของปี 2566  

ในปี 2565 มีโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินที่ได้รับการอนุมัติอย่างน้อย 90.72 กิกะวัตต์ โดยมีเพียง 8 จังหวัดที่อนุมัติโครงการแล้วร้อยละ 77.88% จากโครงการทั้งหมด โดยมณฑลกวางตุ้งอนุมัติโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินใหม่มากที่สุดถึง 10 โครงการและมีกำลังการผลิตรวม 18.18 กิกะวัตต์ ส่วนมณฑลเจียงสูอนุมัติโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินใหม่ 8 โครงการที่มีกำลังการผลิตรวม 12.12 กิกะวัตต์

ทั้งนี้ โครงการผลิตพลังงานจากลมและแสงอาทิตย์ก็เพิ่มขึ้นในปี 2565 เช่นกัน โดยมีโครงการผลิตพลังงานจากพลังงานหมุนเวียนทั้งลมและแสงอาทิตย์รวมกันได้ 121 กิกะวัตต์ ในช่วงสิ้นปี 2565 การผลิตพลังงานไฟฟ้าจากพลังงานในจีนนั้นแบ่งเป็นพลังงานแสงอาทิตย์ 15.2% พลังงานลม 14.3% และส่วนที่เหลือเป็นพลังงานจากถ่านหิน 43.8% [1]

ในเอกสารการอนุมัติระบุถึงเหตุผลของการอนุมัติโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินใหม่ ซึ่งส่วนมากมีคำกล่าวว่า “เพื่อให้แน่ใจว่าประเทศยังคงมีความมั่นคงทางพลังงาน” 28 ครั้ง, “เพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการพลังงานจากความร้อนที่เพิ่มขึ้น” 21 ครั้ง, “เพื่อให้เพียงต่อความต้องการใช้พลังงานที่เพิ่มขึ้น” 21 ครั้ง, และ “กระตุ้นการพัฒนาเศรษฐกิจในท้องถิ่น” 16 ครั้ง

Xie wenwen กล่าวว่า “การเพิ่มการใช้ถ่านหินในระบบพลังงานของจีนโดยไม่จำเป็น นอกจากจะไม่ช่วยแก้ปัญหาแล้ว ยังก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อภัยพิบัติทางสภาพภูมิอากาศ ภาระทางเศรษฐกิจและการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์สูงขึ้น และแม้ว่าภาคพลังงานของจีนจะยังสามารถปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้สูงสุดภายในปี 2593 แต่ตอนนี้เราจะต้องต่อกรวิกฤตสภาพภูมิอากาศ ในปี 2566 เราจะต้องเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานหมุนเวียนที่สะอาด เราจะต้องทำให้ระบบสายส่งพลังงานมีความยืดหยุ่นและเกิดประสิทธิภาพสูงสุด

การแก้ปัญหาความมั่นคงทางพลังงานในจีนที่แท้จริงคือการผลิตไฟฟ้าเข้าสู่ระบบในช่วงที่มีความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงและหาทางออกในการจัดการด้านความต้องการใช้พลังงานรวมทั้งการออกแบบนโยบายที่ทำให้เกิดการถ่ายโอนพลังงานจากภูมิภาคหนึ่งสู่อีกภูมิภาคหนึ่ง หรือ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อเพิ่มศักยภาพในระบบการกักเก็บพลังงาน การเชื่อมโยงสายส่งอย่างมีคุณภาพ สร้างการระบบการจัดการที่ดีกว่าเดิม รวมทั้งมาตรการควบคุมความต้องการใช้ไฟฟ้า

หมายเหตุ

[1] ปัจจุบัน โครงการพลังงานหมุนเวียนในจีนส่วนมากไม่จำเป็นต้องเข้ากระบวนการขออนุมัติจากทางการ เช่นเดียวกับโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินหรือโครงการโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ดังนั้น ตัวเลขนี้ชี้ให้เห็นถึงข้อมูลการผลิตไฟฟ้าที่มาจากพลังงานลมและแสงอาทิตย์ ส่วนตัวเลขจากสัดส่วนพลังงานจากถ่านหินแสดงให้เห็นปริมาณโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินที่ได้รับการอนุมัติในช่วงเวลาดังกล่าว


อ่านเอกสารวิจัยฉบับย่อ (ภาษาจีนกลาง)

สำหรับสื่อมวลชน ติดต่อ :

August Rick, Greenpeace East Asia, Beijing, ([email protected]), +86 175 1040 4599

Greenpeace International Press Desk, [email protected], +31 20 718 2470 (24 hours)