นิวยอร์ก, สหรัฐอเมริกา – การเจรจาเพื่อหาข้อตกลงสนธิสัญญาทะเลหลวงครั้งที่สี่ ที่สำนักงานใหญ่สหประชาชาติยังหาข้อสรุปไม่ได้ ขณะที่เรืออาร์กติก ซันไรส์ (Arctic Sunrise) ของกรีนพีซ พบกองเรือกว่า 400 ลำ กำลังกวาดทรัพยากรทะเลในน่านน้ำเปิดทางตอนใต้ของแอนตาร์กติก

ลูกเรือบนเรือกรีนพีซพบเรือ 264 ลำในรัศมี 35 กิโลเมตร โดยจากเรดาร์เรือ (SAR) ดูเหมือนว่าพวกเขากำลังทำประมงโดยแทบไร้ซึ่งการควบคุม

“พื้นที่นี้เป็นที่เข้าใจว่าเป็นพื้นที่ที่ไร้ซึ่งกฎหมายและข้อบังคับ” ลุยเซียน่า วูเอโซ่  หัวหน้าทีมรณรงค์ด้านทะเลและมหาสมุทร กรีนพีซ อันดิโน่ กล่าวจากเรืออาร์กติก ซันไรส์ 

“มองจากบนเรือ เราเห็นกองเรือจำนวนนับไม่ถ้วน  คาดว่ามีประมาณ 265 ลำ ภายในรัศมี 35 กิโลเมตรรอบเรือเรา และกว่า 400 ลำทั้งน่านน้ำ เรือที่พูดถึงนี้ไม่ใช่เรือเล็ก ๆ นะ มหาสมุทรที่นี่เต็มไปด้วยเรืออุตสาหกรรมขนาดใหญ่ที่กวาดสิ่งมีชีวิตขึ้นจากน้ำโดยแทบไม่มีใครตรวจสอบเลย”

“ในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา รัฐบาลมาหารือกันที่สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ เพื่อหาข้อตกลงในสนธิสัญญาทะเลหลวง โดยพวกเขา คุย คุย แล้วก็คุย แต่ในมหาสมุทรจริงๆ เราต้องลงมือทำเท่านั้น เศร้านะที่เห็นการนำทรัพยากรทะเลมาหาผลกำไร ผลักให้สิ่งมีชีวิตในทะเลเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ และคุกคามระบบนิเวศที่ใหญ่ที่สุดในโลก มันเป็นภาพที่แย่จริงๆ”

รัฐบาลล้มเหลวในการหาข้อตกลงสำหรับสนธิสัญญาทะเลหลวง ซึ่งจะช่วยกรุยทางให้เกิดเขตคุ้มครองทางทะเลในทะเลหลวง 

“คำสัญญาของรัฐบาลที่ว่าจะปกป้อง 1 ใน 3 ของมหาสมุทรทั่วโลกภายในปี 2573 กำลังจะไม่เป็นไปตามนั้นแล้ว” วิล แมคคัลลัม จากโครงการ Protect the Oceans ของกรีนพีซสากล กล่าว 

“เห็นได้ชัดเลยว่ามหาสมุทรเรากำลังอยู่ในภาวะวิกฤต ถ้าเราไม่สามารถบรรลุข้อตกลงสนธิสัญญาทะเลหลวงได้ภายในปี 2565 ไม่มีทางเลยที่เราจะสามารถสร้างเขตคุ้มครองทะเลในน่านน้ำสากล ตามที่เราตั้งเป้าไว้ว่าจะปกป้องทะเล 1 ใน 3 ของโลก สนธิสัญญานี้สำคัญสำหรับเราทุกคน เพราะเราทุกคนพึ่งพิงทะเล ไม่ว่าจะออกซิเจนที่เราหายใจหรือความมั่นคงทางอาหาร

การหารือที่ล่าช้าตลอดสองสัปดาห์ที่ผ่านมา หรือความล้มเหลวในการหาข้อตกลงในหลาย ๆ ประเด็นสำคัญ ไม่ได้สะท้อนความจริงของสถานการณ์ที่อยู่ในภาวะฉุกเฉินเลย วิกฤตการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศกำลังเปลี่ยนมหาสมุทรของเรา สัตว์ทะเลลดลงเรื่อย ๆ และยิ่งอุตสาหกรรมประมงกวาดสิ่งมีชีวิตจากทะเลมากเท่าไร ยิ่งกระทบต่อชุมชนชายฝั่งมากเท่านั้น สิ่งที่พูดนี้ไม่ได้พูดเกินจริง มหาสมุทรเรากำลังอยู่ในภาวะวิกฤตและเราต้องมีแผนในการรับมือทันที 

“หลาย ๆ ประเทศกำลังพยายามมากขึ้น แต่รัฐบาลต่างๆ เช่น รัฐบาล 48 ประเทศซึ่งเป็นสมาชิกของ the High Ambition Coalitio ซึ่งก่อนหน้านี้มุ่งมั่นที่จะทำให้เกิดสนธิสัญญาทะเลหลวง ต้องเพิ่มความพยายามในทันที นั่นหมายความว่าการสื่อสารว่าสถานการณ์กำลังอยู่ในขั้นวิกฤต ให้ประธานที่ประชุมเข้าใจว่าความล่าช้าในการหาข้อตกลงยิ่งกระทบกับความมุ่งมั่นที่พวกเขามีไว้แต่เริ่มต้น  

“รัฐมนตรีหรือผู้นำรัฐต่าง ๆ ต้องร่วมกันวางแผนและบรรลุข้อตกลงสนธิสัญญาทะเลหลวงภายในปี 2565 ถ้าล่าช้ากว่านี้คือความล้มเหลว

ข้อมูลเพิ่มเติม: 

[1] รัฐบาลจากหลายประเทศร่วมหารือกันตั้งแต่วันที่ 7 – 18 มีนาคม 2565 ที่สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ เพื่อหาข้อตกลงสนธิสัญญาแนวทางของระบอบกฎหมายในการจัดการความหลากหลายทางชีวภาพ (Biodiversity Beyond National Jurisdiction treaty) นักวิทยาศาสตร์และนักกิจกรรมพยายามเรียกร้องให้เกิดข้อตกลงในการปกป้องน่านน้ำสากล หรือที่เรียกว่า สนธิสัญญาทะเลหลวง สนธิสัญญานี้จะช่วยให้เกิดเขตคุ้มครองทางทะเล ครอบคลุมพื้นที่ 1 ใน 3 ของมหาสมุทรทั่วโลกภายในปี 2573 ซึ่งนักวิทยาศาสตร์แจงว่าเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องทำเพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและปกป้องสิ่งที่ชีวิตในทะเล รัฐบาลกว่า 100 รัฐบาล และประชาชนกว่าห้าล้านคนทั่วโลกสนับสนุนให้เกิดสนธิสัญญานี้  ล่าสุดการเจรจายังคงดำเนินต่อไป

[2] ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสนธิสัญญาแนวทางของระบอบกฎหมายในการจัดการความหลากหลายทางชีวภาพ (Biodiversity Beyond National Jurisdiction treaty) https://ec.europa.eu/oceans-and-fisheries/ocean/international-ocean-governance/protecting-ocean-time-action_en 

ติดต่อ 

Luke Massey, [email protected], +44 7411 380 840

[email protected], +31 (0) 20 718 2470 (ติดต่อได้ตลอด 24 ชั่วโมง)