กรุงเทพฯ, 19 สิงหาคม 2560 – จากการที่คณะกรรมการผู้ชำนาญการ(คชก.) เห็นชอบรายงานผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ(EHIA) โครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา จังหวัดสงขลาในการประชุมที่เร่งด่วน ปิดลับและปิดกั้นการมีส่วนร่วมของประชาชนในวันที่ 17 สิงหาคม 2560 ที่ผ่านมา นางสาวจริยา เสนพงศ์ ผู้ประสานงานรณรงค์ด้านพลังงานและ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ กรีนพีซ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวว่า
“เป็นอีกครั้งหนึ่งที่แสดงให้เห็นถึงวิกฤตความชอบธรรมของระบบและกระบวนการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพที่ถูกครอบงำโดยผู้มีอำนาจตัดสินใจที่มีโจทย์อยู่แล้วว่า จะต้องสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินให้ได้ตามแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้า สิ่งที่ชัดเจนคือ แม้ว่า คชก.จะเห็นชอบผ่านรายงาน EHIA โครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพาไปสู่การพิจารณาของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าความบกพร่องในรายงาน EHIA จะถูกแก้ไขหมดแล้ว ซ้ำร้ายการประทับตราเห็นชอบต่อรายงานการประเมินผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมและสุขภาพที่ต่ำเกินจริงของคชก. นั้นไม่มีภาระรับผิดใดๆ กับการให้ความเห็นชอบรายงาน EHIA แม้ว่าจะยังมีข้อมูลที่ผิดพลาด ไม่ครบถ้วน บกพร่องและไม่คำนึงถึงศักยภาพพื้นที่ที่สอดคล้องกับวิถีการดำรงชีวิต ลักษณะเฉพาะทางสังคมวัฒนธรรมของชุมชนท้องถิ่น และความเปราะบางของระบบนิเวศชายฝั่งและทะเล ตลอดจนทรัพยากรประมงที่จำเป็นต้องปกปักรักษาไว้ คชก. ยังไม่ต้องรับผิดชอบกับการไม่กำกับ ดูแล ติดตามและเฝ้าระวังผลกระทบที่เกิดขึ้น ไม่ต้องรับผิดชอบกับการที่หน่วยงานรัฐและเจ้าของโครงการไม่ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ และแผนการติดตามตรวจสอบคุณภาพสิ่งแวดล้อมแต่อย่างใดทั้งสิ้น”
ผลการคำนวณแบบจำลองบรรยากาศ(Atmospheric Modeling) ที่ดำเนินการโดยทีมวิจัย Atmospheric Chemistry Modeling ของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด โดยใช้เครื่องมือที่เรียกว่าแบบจำลอง การเคลื่อนที่ของเคมีในบรรยากาศ (Atmospheric chemistry-transport model- GEOS-Chem) ระบุว่า หากมีการดําเนินโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา ผลกระทบด้านสุขภาพจากมลพิษทางอากาศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 2.5 ไมครอน หรือ PM2.5 จะเกิดขึ้นใน บริเวณทิศตะวันตกของพื้นที่ภาคใต้ตอนล่างอันเป็นผลมาจากลักษณะการกระจายตัวของ PM2.5 ที่จะครอบคลุมทั่วคาบสมุทร โดยเฉพาะพื้นที่ฝั่งตะวันตกจะได้รับผลกระทบในวันท่ีไม่ค่อยมีลม ระหว่างเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนเมษายน เมื่อลมประจําทิศพัดจากทิศตะวันออกไป ยังทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ในช่วงที่สภาวะอากาศย่ำแย่ อัตราการปล่อย PM2.5 จะสูงเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 50 เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยรายปี แบบจำลอง GEOS-Chem ยังได้ประมาณว่า หากมีการดําเนินโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพาจะมีการตกสะสมของเถ้าถ่านหิน(เถ้าลอย)ในอากาศ ลงในพื้นที่ในราว 10-20 กิโลกรัมต่อตารางกิโลเมตร และการตกสะสมของฝนกรดในพื้นที่ราว 50 กิโลกรัมต่อตารางกิโลเมตร
การปล่อยมลพิษทางอากาศจากโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพายังมีผลต่อคุณภาพอากาศในทางตอนเหนือ ของเกาะสุมาตราของอินโดนีเซีย และตอนเหนือของมาเลเซียและก่อให้เกิดผลกระทบด้านสุขภาพ ข้ามพรมแดนประเทศอย่างมีนัยสําคัญ และหากโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพามีการดำเนินการ โดยมีอายุการใช้งาน 40 ปี อัตราการเสียชีวิตก่อนวัยอันควรจากโรคหลอดเลือดสมอง โรคหัวใจขาดเลือด โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง มะเร็งปอด หลอดลมและท่อลมรวมถึงโรคทางเดินหายใจและหัวใจเรื้อรังอื่นๆ ท่ีคาดว่าจะเกิดขึ้นอยู่ในราว 4,420 ราย
(1)
“การที่ คชก. ให้ความเห็นชอบต่อรายงาน EHIA ของโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา จังหวัดสงขลา ก็เท่ากับเป็นใบเบิกทางให้กับอุตสาหกรรมถ่านหินในการก่ออาชญากรรมทางสิ่งแวดล้อม กรีนพีซเรียกร้องให้คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติและนายกรัฐมนตรีในฐานะเป็นประธานคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ตัดสินใจยุติโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพาในทันที และทบทวนกระบวนการวางแผนพลังงานของประเทศเพื่อเปลี่ยนผ่านไปสู่ระบบพลังงานหมุนเวียนแบบ กระจายศูนย์ที่สะอาด ยั่งยืนและเป็นธรรมอันเป็นเจตนารมย์หลักตามพันธะกรณีที่ประเทศไทยให้คำมั่นในความตกลงปารีสและการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน
(2) รวมถึงการดำเนินมาตรการในข้อ 8(Article 8) ของอนุสัญญามินามาตะว่าด้วยปรอท
(3)” นางสาวจริยา เสนพงศ์ กล่าวปิดท้าย
หมายเหตุ :