วอชิงตัน ดีซี, 10 เมษายน 2561 — เนสท์เล่ บริษัทจำหน่ายอาหาร น้ำ และเครื่องดื่มที่ใหญ่ที่สุดในโลก ได้เผยแถลงการณ์กล่าวถึงเป้าหมายที่จะแก้ไขปัญหามลพิษพลาสติกที่ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ อย่างไรก็ดี ในแถลงการณ์นี้ไม่ได้กล่าวถึงเป้าหมายที่ชัดเจนในการลด รวมไปถึงเลิกใช้พลาสติกประเภทใช้ครั้งเดียวทิ้ง แต่เป็นเพียงการประกาศถึง “ความทะเยอทะยาน” ในการเปลี่ยนให้บรรจุภัณฑ์ของบริษัทสามารถรีไซเคิลได้ 100% หรือสามารถนำกลับมาใช้ได้ภายในปี 2567 มีแผนการที่จะ “เพิ่มปริมาณพลาสติกที่สามารถรีไซเคิลได้ในบรรจุภัณฑ์” โดยที่ไม่มีการกำหนดช่วงเวลาที่ต้องการทำให้บรรลุผล รวมถึงยังกล่าวถึงการให้ผู้บริโภคเป็นอีกแรงหนึ่งในการช่วยรีไซเคิล

เกรแฮม ฟอร์บส์ ผู้ประสานงานรณรงค์ด้านมหาสมุทร กล่าวถึงการประกาศนี้ว่า “การประกาศของเนสท์เล่ในเรื่องบรรจุภัณฑ์พลาสติกนั้นเป็นการฟอกเขียวในสิ่งเดิม ๆ และเป็นการขับเคลื่อนเพียงเล็กน้อยมากในการต่อกรกับวิกฤตที่ทางบริษัทมีส่วนทำให้เกิดขึ้นซึ่งเจตนารมณ์นี้ไม่สามารถเบนทิศทางของบริษัทไปสู่การลดใช้พลาสติกที่ใช้ครั้งเดียวทิ้งได้อย่างมีนัยสำคัญแต่อย่างไร อีกทั้งยังเป็นมาตรฐานที่ต่ำเมื่อเทียบกับความเป็นบริษัทอาหาร น้ำ และเครื่องดื่มที่ใหญ่เป็นอันดับหนึ่งของโลก คำประกาศนี้มีแต่ความคลุมเครือ ไม่มีเป้าหมายที่ชัดเจน และยังหวังพึ่ง “ความทะเยอทะยาน” ที่จะทำให้ดีขึ้น ผลักภาระให้กับผู้บริโภคแทนที่จะเป็นฝ่ายตนที่ออกมาล้างมลพิษพลาสติกที่ตนก่อ

“บริษัทในระดับเนสท์เล่ควรจะตั้งเป้าหมายและมาตรฐานที่หนักแน่น ที่สามารถปรับเปลี่ยนทิศทางนโยบายไปสู่การลดใช้ และเลิกใช้พลาสติกที่ใช้ครั้งเดียวทิ้งในที่สุด เนสท์เล่น่าจะรู้ดีว่าการรีไซเคิลนั้นไม่ใช่ทางออกของการแก้ปัญหาขยะในทะเล แหล่งน้ำ และชุมชน ในทางกลับกัน การดำเนินการธุรกิจของบริษัทในรูปแบบเดิมนั้นคือการเร่งให้ปัญหามลพิษพลาสติกที่มีอยู่ทวีความเลวร้ายยิ่งขึ้น”

บริษัท เนสท์เล่ ถูกตรวจสอบพบว่าเป็นผู้ก่อมลพิษอันดับหนึ่ง จากการเก็บขยะที่ชายหาดบนเกาะฟรีดอม ไอแลนด์ ประเทศฟิลิปปินส์ เป็นเวลาแปดวัน ในปี 2560 ที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังพบผลิตภัณฑ์จากแบรนด์เนสท์เล่จากการเก็บขยะบนชายหาดอีกหลายที่ทั่วโลกเพื่อตรวจสอบแบรนด์

ภาพมลพิษจากขยะพลาสติกของเนสท์เล่: http://media.greenpeace.org/collection/27MZIFJXNPE1S

ข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อ:

Perry Wheeler, Greenpeace USA Senior Communications Specialist, P: 301-675-8766