เฟอร์นานโด เปเรรา 2493 – 2528

เฟอร์นานโดขึ้นเรือเรนโบว์ วอร์ริเออร์ ในฐานะลูกเรือที่มีหน้าที่ถ่ายภาพการทดลองนิวเคลียร์ของฝรั่งเศสและเผยแพร่ให้คนทั้งโลกได้ประจักษ์ ความมุ่งมั่นเพื่อสันติภาพของเฟอร์นานโดได้พรากชีวิตของเขาเมื่อหน่วยจารชนวางระเบิดเรือ เรายังจดจำเฟอร์นานโดไว้ในฐานะของช่างภาพผู้มุ่งมั่น ผู้ชายที่รักครอบครัว และนักรบสายรุ้ง

“ลูกดูแลแม่ด้วยนะ พ่อออกไปทำงานและไม่นานก็จะกลับบ้าน” มารีล บุตรสาวของเฟอร์นานโด หวนรำลึกถึงถ้อยคำของพ่อ ตอนนั้นเธออายุเพียงแปดขวบ เธอเล่าว่าเธอกล่าวลาผู้เป็นพ่ออย่างไรเมื่อครั้งไปส่งพ่อที่สนามบิน และขณะที่เดินเล่นในป่า เธอกับน้องชายมักจะโบกมือ “ให้กับเครื่องบินทุกลำเพราะคิดว่าต้องมีสักลำที่พ่ออยู่ในนั้น”

เพียงสามเดือนต่อมา มารีลได้รับรู้ว่า พ่อเสียชีวิตแล้ว

การเดินทางสู่โลกที่มีสันติภาพมากขึ้น

เฟอร์นานโดจมน้ำไปด้วย ตอนที่เรือเรนโบว์ วอร์ริเออร์จมเมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2528 หลังจากหน่วยจารชนฝรั่งเศสวางระเบิดเรือ

เฟอร์นานโดเป็นช่างภาพของกรีนพีซที่ขึ้นเรือเรนโบว์ วอร์ริเออร์ที่ฮาวาย เพื่อร่วมในภารกิจหกเดือน ซึ่งต้องเดินทางจากหมู่เกาะมาร์แชลล์ในนอร์ธแปซิฟิก ไปยังเกาะมูรูรัวในเซาท์แปซิฟิก การเดินทางเพื่อกระชากหน้ากากของรัฐบาลสหรัฐฯและฝรั่งเศสในฐานะมหาอำนาจนิวเคลียร์ที่แสดงท่าทีชัดเจนที่ไม่ใส่ใจต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อมในหมู่เกาะในแปซิฟิก ด้วยการเร่งรีบสร้างและทดลองอาวุธนิวเคลียร์ครั้งใหม่

หลบหนีเผด็จการและสงครามทรราชย์

เฟอร์นานโด เปเรรา เกิดที่เมืองชาเวส เมืองเล็กๆในโปรตุเกส ห่างจากกรุงลิสบอนไปทางเหนือ 500 กิโลเมตร เฟอร์นานโดหลบหนีออกนอกประเทศเพื่อหลบเลี่ยงการเกณฑ์ทหารและการสู้รบซึ่งนำไปสู่สงครามของเผด็จการซาลาซาร์ ในอังโกลา หลังจากนั้นเฟอร์นานโดเข้าไปในสเปนได้ แต่รัฐบาลของนายพลฟรังโกไม่มีท่าทียินดีร่วมมือกับผู้ลี้ภัยทางการเมืองใดๆ เฟอร์นานโดจึงหาหนทางต่อไปยังเนเธอร์แลนด์

เมื่อถึงเนเธอร์แลนด์ เฟอร์นานโดหางานและตั้งรกรากด้วยอาชีพช่างภาพ เขาแต่งงานกับผู้หญิงชาวดัทช์คนหนึ่ง และได้สัญชาติดัทช์ มีบุตรชายหญิงสองคนคือ มารีล และ พอล

“ฉันจำได้ตอนฉันกับน้องชายเดินเล่นในป่า ปีนต้นไม้” มารีล เล่าถึงภาพในความทรงจำ “ในฮอลแลนด์ เรามีหิมะและน้ำแข็งในฤดูหนาว และบ้านที่เราอยู่ตอนนั้น ตรงหลังบ้านมีแม่น้ำสายเล็กๆที่เต็มไปด้วยน้ำแข็ง พ่อมักจะพาเราเล่นสเกตน้ำแข็ง เหมือนชาวโปรตุเกสและทุกคน แต่พ่อก็สเกตได้”

Fernando Pereira on Rainbow Warrior. © Greenpeace

เฟอร์นานโด เปเรรา ช่างภาพบนเรือเรนโบว์ วอร์ริเออร์ © Greenpeace

การเดินทางครั้งพิเศษ

ก่อนที่เรือเรนโบว์ วอร์ริเออร์จะมาถึงเมืองโอคแลนด์ ประเทศนิวซีแลนด์ และถูกวางระเบิดที่นี่ เรนโบว์ วอร์ริเออร์มีภารกิจในการช่วยอพยพชาวบ้านที่เมืองรองเกลัปในหมู่เกาะมาร์แชลล์ ไปตั้งหลักแหล่งที่ใหม่ ซึ่งเป็นผลมาจากการปกเปื้อนของเถ้าถ่านรังสีที่ปกคลุมชั้นบรรยากาศทั่วทั้งเกาะ จากการทดลองอาวุธนิวเคลียร์ในแปซิฟิก

การโยกย้ายถิ่นฐานที่ต้องใช้แรงงานมากนี้เสร็จสิ้นในวันที่ 10 พฤษภาคม 2528 ซึ่งเป็นวันแรกที่เรือได้หยุดพัก วันนั้นเป็นวันเกิดของเฟอร์นานโดและลูกเรือได้พิมพ์ข้อความบนเสื้อยืดให้เขาเป็นพิเศษ เขียนว่า “Rainbow Warrior Removals Inc” หรือ “หน่วยปฏิบัติการเคลื่อนย้ายแห่งนักรบสายรุ้ง”  ไว้ด้านหน้า ส่วนด้านหลังเสื้อเป็นลายเซ็นต์ของลูกเรือทุกคน เป็นความทรงจำที่น่าภาคภูมิใจของการเดินทางครั้งวิเศษนั้น

คนพิเศษ

กัปตันพีท วิลล์คอกซ์ แห่งเรือเรนโบว์ วอร์ริเออร์ เล่า ขณะวางพวงหรีดให้เฟอร์นานโดระหว่างร่วมพิธีครบรอบ 25 ปีของการวางระเบิดเรือ เมื่อปี 2553 “เฟอร์นานโดไม่ควรจะต้องตาย เขาไม่เคยทำร้ายใครเลย เราไม่ลืมเขา ผมหวังว่านักกิจกรรมแต่ละรุ่นที่เคยล่องไปกับเรนโบว์ วอร์ริเออร์ลำใหม่จะมุ่งมั่น มีความพิเศษ และเต็มไปด้วยแรงดลใจ เฉกเช่นเขา”